Emotional Vampire ผีดูดพลังบวก เจอแบบนี้ต้องตั้งรับอย่างไร

จะมีคนประเภทหนึ่ง ที่เจอเมื่อไหร่เป็นต้องทำให้เราอยากหลบเลี่ยงยู่เสมอ ไม่ว่าความสัมพันธ์กับคนๆ นี้จะมาในรูปแบบของเพื่อนที่ร่วมชั้นเรียน เพื่อนร่วมงาน การพบปะเจอหน้าคนเหล่านี้ จะสร้างความรู้สึกอึดอัด เหนื่อยล้า หมดพลังาน หลังจากได้ใช้เวลาร่วมกัน
ผีดูดพลังงานทางอารมณ์ หรือ Emotional vampire คือ อสูรกายในคราบของมนุษย์ธรรมดา เมื่ออยู่ใกล้คนแบบนี้ จะรู้สึกเหมือนถูกดูดพลังงานด้านบวก ความมั่นใจ ความเป็นอยู่ที่ดี และประสิทธิภาพการทำงานออกไปจากชีวิต พาลส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ และสภาพทางจิตใจ
ลองมาสังเกตคนที่มีลักษณะของ "ผีดูดพลังงานทางอารมณ์" และเรียนรู้วิธีรับมือคนเหล่านี้กัน
Emotional vampire คืออะไร?
ผีดูดพลังทางอารมณ์ หรือ Emotional vampire คือ บุคคลที่ดูดเอาพลังงานทางอารมณ์และความเป็นอยู่ที่ดีของคนรอบข้าง มักจะผ่านความคิดเชิงลบ การบ่น หรือการจัดการให้ได้อย่างใจ ซึ่งทำให้ผู้อื่นรู้สึกหมดพลังและเหนื่อยล้า
ไม่มีใครไม่รู้จักผีดูดเลือด ในตำนานพวกมันคือสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอดด้วยการดูดเลือดของสิ่งมีชีวิตอื่น จึงมีชีวิตเป็นอมตะ แต่ไม่สามารถอยู่กลางแสงแดดได้นาน
ในทางกลับกัน เราก็สามารถพบเจอผีดูดพลังงานทางอารมณ์ในชีวิตจริง ที่อันตรายที่สุดหากผีตนนั้น อยู่ในที่ทำงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของคนทั่วไป เรานำตัวตนทั้งหมดของเราไปที่งาน และวัดคุณค่าของตัวเองจากความสำเร็จในที่ทำงาน แต่ผีดูดพลังงานก็สามารถพรากสิ่งเหล่านี้ไปจากเราได้โดยที่ไม่รู้ตัว
ความน่ากลัวของ Emotional vampire
ความสามารถที่โดดเด่นของ ผีดูดพลังทางอารมณ์ พวกเขามักจะคนที่ใช้การกลั่นแกล้งทางจิตใจ หรือ gaslighting ให้คนอื่นมีความผิด เพื่อลดทอนคุณค่าของผู้อื่น ไม่ว่าพวกเขาจะทำสิ่งนี้โดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ผีดูดพลังทางอารมณ์มักทำให้ผู้อื่นรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และไม่มั่นคงอารมณ์
ผีดูดพลังทางอารมณ์ อาจไม่ได้ดื่มเลือด แต่ดูดพลังงานทางอารมณ์ พลังเชิงบวก ความเป็นอยู่ที่ดี ความมีชีวิตชีวา และความมั่นใจของคนรอบข้าง แม้ไม่ได้เป็นอมตะ แต่มักจะใช้คำวิจารณ์และความเสียหายทางจิตใจที่จะคงอยู่ในใจของผู้รับไปนานแสนาน
การสังเกตพฤติกรรมของผีดูดพลังทางอารมณ์ให้เห็นชัดเจนเป็นวิธีที่ดีในการรักษาระยะห่าง เพื่อป้องกันการถูกดูดพลังงานที่ดีของพวกเราออกไป
3 สัญญาณของผีดูดพลังทางอารมณ์
1. การกลั่นแกล้งทางจิตใจ (Gaslighting)
การกลั่นแกล้งทางจิตใจเป็นวิธีที่ทำให้เราสงสัยในความตั้งใจ ความมั่นใจ และสัญชาตญานของตัวเราเอง ไม่ว่าจะทำหรือคิดอะไร ผีดูดพลังทางอารมณ์ จะมีคำพูดหรือวิธีการที่ทำให้เราเหมือนเป็นฝ่ายผิดเสมอ
2. มีความคิดแบบสุดโต่ง
คนจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะคิดแบบสุดโต่ง แบ่งขาวหรือดำ ไม่มีตรงกลาง ซึ่งเป็นลักษณะทั่วไปของความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น ความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า สิ่งนี้เพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้ใครคนหนึ่งเป็นผีดูดพลังทางอารมณ์
อย่างไรก็ตาม มันสามารถกลายเป็นพิษ เมื่อคนๆนั้น นำความคิดแบบสุดโต่งไปใช้กับผู้อื่น พวกเขาอาจอธิบายว่าคนเป็นได้แค่ดีหรือเลว ขยันหรือขี้เกียจ ฉลาดหรือโง่ ในส่วนที่ที่ดีที่สุด การตัดสินคนอื่นด้วยความคิดแบบสุดโต่งคือ การลดทอนคุณค่า ในกรณีที่แย่ที่สุด มันคือสิ่งที่อันตรายต่อสภาวะทางใจอย่างร้ายแรง
3. ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง
คนที่เป็นพิษมักแสดงพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวหรือยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามอธิบายให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเหตุผลของเรา พวกเขาไม่สนใจเลยนอกจากมันจะเกี่ยวข้องกับพวกเขา และพวกเขาจะหาวิธีเชื่อมโยงทุกอย่างกลับมาที่ตัวเอง
แล้วเราจะหลีกเลี่ยงการถูกดูดพลังงานด้านดีๆ ของตัวเองได้อยางไร
แม้ว่าเราไม่สามารถควบคุมเวลาและวิธีที่ผีดูดพลังทางอารมณ์ปรากฏตัวได้ แต่เราสามารถจำกัดผลกระทบที่พวกเขามีต่อเราได้ การพัฒนากลยุทธ์เพื่อรับมือกับคนที่เป็นพิษและพฤติกรรมของพวกเขาในชีวิตของคุณสามารถช่วยให้คุณรู้สึกมีอำนาจควบคุมมากขึ้น เครียดน้อยลง มีพลังงานมากขึ้น
1. กำหนดขอบเขตที่ชัดเจน
การกำหนดขอบเขตช่วยให้เราจำกัดผลกระทบเชิงลบของพฤติกรรมผีดูดพลังทางอารมณ์ จงทำให้พวกเขารับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง กำหนดขอบเขตที่ชัดเจนสำหรับพฤติกรรมของพวกเขาที่มีต่อเราและความคาดหวังของเราที่มีต่อพวกเขา (หรือไม่กำหนดความคาดหวังเลย)
2. ยึดมั่นในข้อเท็จจริง ไม่ใช้อารมณ์
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า คนที่มีแนวโน้มดูดพลังงานด้านดีของคนอื่น ก็มักเป็นกลุ่มคนที่ประสบปัญหาทางด้านอารมณ์ การเอาอารมณ์ของเราไปใส่ในบทสนทนากับคนเหล่านี้ ยิ่งทำให้เราตกอยู่ภายใต้พลังงานด้านลบมากเท่านั้น
ดังนั้น จงยึดมั่นในข้อเท็จจริงเมื่อต้องรับมือกับคนเหล่านี้ แทนที่จะบอกพวกเขาว่าพวกเขาทำให้คุณรู้สึกอย่างไร ให้ยกตัวอย่างพฤติกรรมเฉพาะที่ต้องเปลี่ยนแปลง หากปัญหาการพูดคุย เกิดขึ้นที่ทำงาน อย่างเอาตัวเองลงไปอยู่ใต้การควบคุมทางอารามณ์ของคนเหล่านี้ แต่บอกให้พวกเขาไปพูดคุยกับหัวหน้างาน หรือ ให้พวกเขานำความกังวลไปแจ้งต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคล
3. ฝึกการมีสติ
หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการจำกัดผลกระทบของผีดูดพลังทางอารมณ์ คือ การพัฒนาการรับรู้ตนเองว่าพฤติกรรมของพวกเขาส่งผลต่อจิตใจของเราอย่างไร
การฝึกการมีสติสามารถช่วยเราตระหนักถึงสายใยทางอารมณ์ที่กำลังถูกดูดไป และช่วยให้เราไม่ถูกดึงดูดเข้าไปอยู่ในเกมการ gaslighting หรือกล่าวโทษตัวเอง
4. เลือกมีปฏิสัมพันธ์ทางออนไลน์ (หรือไม่มีเลย)
หากไม่สามารถหนี ก็ต้องพยายามรักษาระยะห่าง เป็นความจริงที่เราไม่มีอำนาจไปเปลี่ยนแปลงใคร แต่เรามีอำนาจควบคุมวิธีการปฏิสัมพันธ์กับผีดูดพลังทางอารมณ์
กำหนดขอบเขตว่าควรจะมีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาที่ไหน — หรือแม้แต่จะพบกับพวกเขาตั้งแต่แรกหรือไม่ — สามารถฟื้นฟูอิสรภาพทางอารมณ์ของคุณได้บ้าง เพื่อปกป้องสุขภาพจิตของตัวเอง การเปลี่ยนการประชุม หรือติดต่อกันเฉพาะทางออนไลน์ ก็เป็นเหตุผลที่ดี