รีเซต

รพ.เมตตาฯ เผยอาการป่วยทางตาแบบไหน ที่แนะนำให้พบจักษุแพทย์

รพ.เมตตาฯ เผยอาการป่วยทางตาแบบไหน ที่แนะนำให้พบจักษุแพทย์
TNN ช่อง16
1 มิถุนายน 2565 ( 11:49 )
86
รพ.เมตตาฯ เผยอาการป่วยทางตาแบบไหน ที่แนะนำให้พบจักษุแพทย์

วันนี้ (1 มิ.ย.65) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ดวงตาอาจจะไม่ใช่อวัยวะสำคัญที่สุดในการดำเนินชีวิต แต่ดวงตานั้นเป็นอวัยวะสัมผัสที่สำคัญสามารถทำให้ดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างครบถ้วน แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยให้ความสนใจในดวงตา และไม่ได้นึกถึงว่าดวงตาทำงานอย่างไร 

ดวงตามีความผิดปกติอะไรได้บ้าง และดวงตามีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างไร หากให้นึกถึงการตรวจสุขภาพร่างกายโดยทั่วไป จะมีน้อยคนที่นึกถึงเรื่องดวงตาก็มีความสำคัญที่จะต้องได้รับการตรวจด้วยเช่นกันจนกว่าจะมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับดวงตาเกิดขึ้นเสียก่อน 

ด้าน นพ.อภิชัย สิรกุลจิรา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวว่า คนทั่วไปรู้จักการตรวจสุขภาพกายโดยการตรวจความดันโลหิต ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด และตรวจร่างกายทั่วไป หลายคนคิดว่าตาไม่เป็นไรตราบที่การมองเห็นยังเป็นปกติ คงไม่ต้องตรวจก็ได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด 

เพราะโรคตาบางโรคมาเงียบๆ ช่วงแรกอาจไม่มีอาการเลย โดยเฉพาะโรคต้อหินชนิดเรื้อรัง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นภัยเงียบที่อาจทำให้ตาบอดได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แนะนำว่าควรตรวจสุขภาพตาซึ่งสามารถตรวจได้ทุกช่วงอายุไม่จำเป็นต้องตรวจตาตอนอายุมาก    

ขณะที่ พญ.วธูกานต์ รุ่งภูวภัทร กล่าวเสริมว่า การตรวจสุขภาพโดยจักษุแพทย์มีความจำเป็น เนื่องจากหลายโรคทางตา หลายโรคอาจพบความผิดปกติได้จากการมาตรวจ เช่น ภาวะต้อหินในระยะแรกอาจไม่มีอาการตามัว เนื่องจากเป็นโรคที่มีการสูญเสียลานสายตาโดยรอบก่อน 

โดยการมองเห็นตรงกลางยังเป็นปกติเว้นเป็นต้อหินระยะท้ายจึงมีการมองเห็นลดลงหรือลานสายตาแคบลง หรือผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพที่ตาข้างใดข้างหนึ่งโดยที่ตาอีกข้างปกติดีและเพราะไม่เคยทดสอบการมองเห็นด้วยตนเองง่ายๆ ด้วยการปิดตาทีละข้างเพื่อทดสอบการมองเห็นว่าความผิดปกติหรือไม่

เกิดขึ้นจากตาข้างใดจึงมาพบแพทย์เมื่ออาการเป็นมากแล้วหรือมีความผิดปกติในตาทั้งสองข้างซึ่งในการพบจักษุแพทย์ เพื่อตรวจการมองเห็นนั้น จะมีขั้นตอนโดยการทดสอบการมองเห็นทีละข้าง 

ถ้าผิดปกติต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากโรคตาหรือเป็นจากสายตาผิดปกติ แต่เนื่องจากในสภาวะปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่องจึงทำให้ผู้ป่วยบางส่วนไม่อยากเดินทางมาโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น 


อย่างไรก็ตาม ยังมีภาวะทางจักษุบางอย่างที่เป็นอันตรายและอาจส่งผลต่อการมองเห็นได้จึงควรมาพบจักษุแพทย์ เช่น อุบัติเหตุทางตาที่ก่อให้เกิดอาการระคายตาเคืองตา ตามัว เลือดออก สารเคมีหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าตา กระแทกตา หรืออุบัติเหตุที่ใบหน้า เปลือกตาที่อาจส่งผลต่อดวงตา เป็นต้น

หรือมีอาการปวดตามากที่อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อที่กระจกตา เยื่อบุตา เบ้าตา ถุงน้ำตา ม่านตาอักเสบ ต้อหินฉับพลัน หรือเห็นจุดลอยใหม่หรือไฟแฟลชในตา อาจเป็นจากภาวะน้ำวุ้นลูกตาเสื่อม ซึ่งมีการดึงรั้งจอประสาทตา อาจก่อให้เกิดจอประสาทตาฉีกขาดหลุดลอก 

หรือเลือดออกในน้ำวุ้นลูกตา หรือมีอาการตาแดงที่เกิดการติดเชื้อที่กระจกตา เยื่อบุตาอักเสบ ม่านตาอักเสบ ต้อหินฉับพลัน แผลที่กระจกตา เป็นต้น หรือการมองเห็นลดลงฉับพลันต้อหินฉับพลัน จอประสาทตาฉีกขาดหลุดลอก เลือดออกในน้ำวุ้นลูกตาหรือจุดรับภาพ 

เส้นเลือดที่จอประสาทตาอุดตัน เส้นประสาทตาอักเสบเป็นต้นนอกเหนือจากนั้นหาก มีโรคทางตาที่ห้ามขาดยา มีความจำเป็นจะต้องใช้อย่างต่อเนื่องและอยู่ในการดูแลของจักษุแพทย์ เช่น โรคต้อหินที่ต้องรับยาหยอดตาต่อเนื่อง หรือโรคจอประสาทตาที่ต้องฉีดยาเข้าน้ำวุ้นลูกตาต่อเนื่อง ควรไปตรวจติดตามการรักษา 

อย่างไรก็ดี หากมีตาแดงที่สงสัยว่าเกิดจากโควิด-19 เช่น พบอาการตาแดงร่วมกับอาการทางทางเดินหายใจ ไข้ ผื่น ให้ไปรักษาโควิด-19 ก่อนได้ เนื่องจากอาการทางตาพบได้น้อยกว่าอาการทางระบบทางเดินหายใจ และไม่รุนแรง หายเองได้ 

และเนื่องจากที่ระบุนั้น เป็นตัวอย่างของอาการทางตาด่วนที่พบได้บ่อย ทั้งนี้ให้ขึ้นกับวิจารณญาณของพยาบาลที่ทำการคัดกรองหรือแพทย์ที่รับปรึกษา ในกรณีที่มีข้อบ่งชี้อื่นร่วมด้วย.


ข้อมูลจาก กรมการแพทย์

ภาพจาก AFP

ข่าวที่เกี่ยวข้อง