AI วิเคราะห์โรคสมาธิสั้น จากภาพถ่ายดวงตา ได้แม่นยำถึง 96.9%

โรคสมาธิสั้น หรือ ADHD (Attention Deficit/Hyperactivity Disorder) เป็นความผิดปกติทางสมองที่ส่งผลต่อการควบคุมความสนใจ อารมณ์ และพฤติกรรม ซึ่งพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การวินิจฉัยในปัจจุบันยังต้องอาศัย การประเมินพฤติกรรมและแบบสอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งบางครั้งใช้เวลานานและอาจไม่แม่นยำเต็มที่
แต่ล่าสุดงานวิจัยจาก Yonsei University, เกาหลีใต้ พบว่า AI สามารถตรวจจับ ADHD ได้แม่นยำถึง 96.9% เพียงวิเคราะห์ ภาพถ่ายด้านหลังของดวงตา (retinal fundus photographs)
นักวิจัยได้รวบรวม ภาพถ่ายจอประสาทตา จากผู้เข้าร่วมจำนวนหลายร้อยคน แบ่งเป็นผู้ป่วย ADHD และกลุ่มควบคุม จากนั้นใช้ Machine Learning / Deep Learning วิเคราะห์โครงสร้างและลวดลายของ เส้นเลือดในจอประสาทตา
AI ถูกฝึกให้จำแนก ความแตกต่างในเส้นเลือดและโครงสร้างจอประสาทตา ระหว่างผู้ป่วย ADHD และกลุ่มปกติ
โมเดลมี ความแม่นยำสูงถึง 96.9% ในการจำแนก
การศึกษานี้ยังวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง ลักษณะจอประสาทตา กับ ระดับความสามารถในการจดจ่อ (visual attention stratification)
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาแบบ observational + retrospective ซึ่งช่วยให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ในเส้นเลือดและโครงสร้างจอประสาทตา สามารถสะท้อนความผิดปกติในสมองได้
ทำไมภาพถ่ายจอประสาทตาถึงช่วยวินิจฉัย ADHD ได้
จอประสาทตาและสมองเชื่อมต่อกันผ่าน ระบบประสาทและหลอดเลือด การเปลี่ยนแปลงในจอประสาทตาจึงสามารถสะท้อนถึง ความผิดปกติทางสมองบางอย่าง การใช้ AI วิเคราะห์ภาพจอประสาทตาเป็นวิธีที่ ไม่รุกรานและรวดเร็ว
ประโยชน์และข้อดี
- รวดเร็วและไม่รุกราน – การตรวจเหมือนถ่ายภาพสายตาธรรมดา ไม่ต้องทำแบบสอบถามยาว
- แม่นยำสูง – AI วิเคราะห์ตามรูปแบบจริง ลดความลำเอียงของผู้ประเมิน
- ติดตามผลได้ง่าย – สามารถตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในจอประสาทตาหลังการรักษาหรือปรับพฤติกรรม
การใช้งานจริงและอนาคต
- ขณะนี้ ยังอยู่ในระยะการวิจัยและทดลอง
- ยัง ไม่สามารถใช้แทนการวินิจฉัยของแพทย์ ได้เต็มที่ แต่สามารถใช้เป็น เครื่องมือช่วยคัดกรองเบื้องต้น
- ต้องมี การทดสอบเพิ่มเติมในกลุ่มประชากรที่หลากหลาย เพื่อยืนยันความแม่นยำและความปลอดภัย
- หากพัฒนาเชิงคลินิกสำเร็จ อนาคต AI วิเคราะห์ภาพถ่ายจอประสาทตาอาจใช้ใน โรงเรียนหรือคลินิกสายตา เพื่อช่วยคัดกรอง ADHD รวดเร็วและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ข้อจำกัด
- การศึกษานี้อาศัย ข้อมูลย้อนหลังและกลุ่มตัวอย่างเฉพาะ
- จำเป็นต้อง ทดสอบในกลุ่มประชากรที่หลากหลาย
- AI ยังไม่สามารถแทน การประเมินพฤติกรรมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้เต็มที่
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
