โออาร์ทุ่ม74,600ล้านลงทุนใน-นอกประเทศ เปิดจองไอพีโอ 24 ม.ค.นี้
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ช่วงราคาเสนอขาย 16.00 – 18.00 บาทต่อหุ้น สำหรับรายย่อย สามารถจองซื้อได้ที่ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย และกรุงไทย ที่สำนักงานใหญ่และทุกสาขาทั่วประเทศและผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันที่ 24 ม.ค.64 – เวลา 12:00 น. ของวันที่ 2 ก.พ.64 โดยจัดสรรแบบวิธี Small Lot First
ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้รับการกระจายหุ้นอย่างทั่วถึง และสำหรับผู้ถือหุ้น ปตท. เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้น สามารถจองซื้อได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 25-28 ม.ค.64 คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “OR” ในต้นเดือนก.พ. 64 นี้ ซึ่งการขายไอพีโอช่วงนี้ถือว่าเหมาะสมแม้ว่าจะเจอโควิด เพราะวางแผนมาตั้งแต่ปี 59
"โออาร์ประกาศแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 2,610ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 22.5% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ออกและจำหน่ายได้แล้วของบริษัทฯ ภายหลังที่มีการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ (ในกรณีที่มีการเสนอขายหุ้นทั้งจำนวน โดยไม่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) โดยแบ่งเป็น (ก) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเฉพาะกลุ่มซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ ปตท. ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นของ ปตท. "
อย่างไรก็ตาม วันปิดการเสนอขายหุ้นทั้งหมดจำนวน 2,610ล้านหุ้น หากมีผู้จองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมากกว่าหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายดังกล่าว บริษัทฯ อาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินให้แก่ผู้ลงทุนจำนวนไม่เกิน 390 ล้านหุ้น อีกทั้ง การจัดสรรหุ้นของ OR ในส่วนของผู้ลงทุนรายย่อยในครั้งนี้จะไม่มีการจัดสรรหุ้นผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
สำหรับโออาร์ ดำเนินธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประกอบด้วยการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ ธุรกิจร้านกาแฟ ร้านอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ ร้านสะดวกซื้อ และการบริหารจัดการพื้นที่เช่า มีแบรนด์ซึ่งเป็นที่นิยมและได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง เช่น “PTT Station” แบรนด์สถานีบริการน้ำมัน ที่มีสาขา 1,968 ในไทย และ 329 แห่งในต่างประเทศ
ส่วน “Café Amazon” แบรนด์ร้านกาแฟชั้นนำของประเทศไทยที่มีจำนวน 3,168 ร้านในประเทศไทย และ 272 ร้านในต่างประเทศ ศูนย์บริการยานยนต์ “FIT Auto” จำนวน 56 แห่งในประเทศไทย และ 4 แห่งในต่างประเทศ ร้านสะดวกซื้อภายใต้แบรนด์ “7-Eleven” ในสถานีบริการ และแบรนด์ “Jiffy” จำนวนรวมกัน 1,960 ร้านในประเทศไทย และ 86 ร้านในต่างประเทศ เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 30 ก.ย.63)เป็นผู้นำน้ำมันเติมเครื่องบิน ภาคอุตสาหกรรม น้ำมันหล่อลื่น
นางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลยุทธ์องค์กร นวัตกรรมและความยั่งยืน โออาร์ กล่าวว่า ได้วาง 6 กลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจ ประกอบด้วย 1.รักษาความเป็นผู้นำทั้งตลาดค้าปลีกและตลาดพาณิชย์ในประเทศไทย 2. มุ่งส่งเสริมการเติบโตของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) สร้างฐานรายได้และเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร
3. ต่อยอดความสำเร็จ ความชำนาญ เพื่อการขยายตัวสู่ระดับภูมิภาค และระดับโลก 4. เสริมสร้างศักยภาพ ขยายโอกาสการเติบโตด้วยเทคโนโลยี และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Big Data Analytics)5. ลงทุนครอบคลุมตลอดห่วงโซ่อุปทาน บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี และ6.มุ่งสร้างคุณค่าและการมีส่วนร่วมต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ทั้งประเทศชาติ สังคมชุมชน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และพนักงานอย่างสมดุล
นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน โออาร์ กล่าวว่า มีแผนขยายการลงทุนเพิ่มอีก 76,400 ล้านบาทใน 5 ปีข้้างหน้า แบ่งเป็นธุรกิจน้ำมัน 34.6 % ธุรกิจค้าปลีกและบริการอื่น ๆ หรือนอนออยล์ 28.6% ธุรกิจต่างประเทศ 21.8% และุธุรกิจอื่น 15% นอกจากนี้มีแผนจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น 30% ของรายได้ในปีนั้น ๆ ซึ่งหลังจากIPO คาดว่าจะจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นปีละ 2 ครั้ง
ส่วนการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้ในการขยายเครือข่ายสถานีบริการน้ำมัน การขยายธุรกิจสำหรับตลาดพาณิชย์ การลงทุนในคลังเก็บผลิตภัณฑ์และศูนย์กระจายสินค้า การขยายเครือข่ายร้านค้าปลีก การลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุกิจ โดยมีบล.บัวหลวง บล. ฟินันซ่า จำกัด บล. กสิกรไทย บล. เกียรตินาคินภัทรและ บล.ทิสโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 30 % ของกำไรสุทธิหลังหักสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายและบริษัทฯ กำหนดไว้ในแต่ละปี
สำหรับปี 60 โออาร์ มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 543,275.7 ล้านบาท ปี 61 อยู่ที่ 592,072.8 ล้านบาท ปี 62 อยู่ที่ 577,134.0 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือนในปี 62 (ม.ค.-ก.ย.62) อยู่ที่ 430,341.1 ล้านบาท และผลประกอบการ 9 เดือนปี 63อยู่ที่ 319,308.4 ล้านบาท
ส่วนกำไรสุทธิปี 60 อยู่ที่ 9,768.7 ล้านบาท ปี 61 อยู่ที่ 7,851.3 ล้านบาท ปี 62 อยู่ที่ 10,895.8 ล้านบาท ช่วง 9 เดือนของปี 62 กำไรสุทธิ 8,947.5 ล้านบาท และ ช่วง 9 เดือนของปี 63 กำไรสุทธิ 5,868.5 ล้านบาท
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.comfacebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE