รีเซต

TNPกำไร9ด.ติดปีกพุ่ง59% มาตรการรัฐหนุนงบQ4โตต่อ

TNPกำไร9ด.ติดปีกพุ่ง59% มาตรการรัฐหนุนงบQ4โตต่อ
ทันหุ้น
29 ตุลาคม 2563 ( 09:10 )
65

ทันหุ้น - สู้โควิด – TNP กวาดกำไร 9 เดือน 89.73 ล้านบาท พุ่งขึ้น 59.60% ส่วนกำไรไตรมาส 3/63 อยู่ที่ 30.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.83% หลังยอดขายพุ่งสูงสุดจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล บวกกับการขยายสาขาเพิ่ม ฟากโบรกชี้มาตรการรัฐกระตุ้นการใช้จ่าย หนุนยอดขายไตรมาส 4/63 โตต่อ เคาะเป้า 4 บาท

 

บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 ว่า มีกำไรสุทธิเท่ากับ 30.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 10.63 ล้านบาท คิดเป็น 54.83% โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 5.76%

 

กำไร9ด.พุ่ง59.60%

 

สำหรับงวด 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 89.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 33.51 ล้านบาท คิดเป็น 59.60% โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 5.65% ซึ่งภาพรวมการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิเกิดจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น

 

ขณะที่รายได้ในไตรมาส 3/2563 บริษัมมีรายได้จากการขายจำนวน 518.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 44.86 ล้านบาท คิดเป็น 9.47% ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของยอดขายส่วนใหญ่มาจากกการขยายสาขาของบริษัท โดยยอดขายสาขาเดิมในไตรมาสที่ 3/2563 เพิ่มขึ้น 0.1%

 

สำหรับงวด 9 เดือนปี 2563 บริษัทมีรายได้จากการขายจำนวน 1,580.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 162.64 ล้านบาท คิดเป็น 11.47% ซึ่งภาพรวมการเพิ่มขึ้นของยอดขายงวด 9 เดือนของบริษัทเกิดจากยอดขายในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2563 สูงสุดจากการซื้อสินค้าล่วงหน้าของผู้บริโภค เนื่องจากประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของทางรัฐบาล และรวมถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขายจากการขยายสาขาของบริษัท

 

เคาะเป้า 4 บาท

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) ประเมินทิศทาง บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ว่า เริ่มต้นออกบทวิเคราะห์ TNP ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสมปี 64 อยู่ที่ 4.00 บาท อิง PE Multiple ที่ 24.2 เท่า ซึ่งเป็นระดับ Avg PE 0.5SD ของบริษัทตั้งแต่ IPO คาดว่ารายได้ของบริษัทจะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยได้ปัจจัยหนุนจากการออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐทั้งจากการเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการคนละครึ่ง

 

ขณะที่บริษัทขยายสาขาเฉลี่ย 4 สาขาต่อปีหลัง IPOและคาดว่าจะมี 32 สาขา ในปี 2563 โดยบริษัทมีนโยบายการขยายสาขาที่เข้มงวดทำให้ทุกสาขาของบริษัทมีกำไรและคืนทุนได้เร็ว นอกจากนี้บริษัทยังปลอดหนี้เงินกู้ทำให้ลดความเสี่ยงจากการเพิ่มทุนและเป็นจุดแข็งในช่วงภาวะเศรษฐกิจหดตัว

 

โควิดหนุนยอดโต

 

อย่างไรก็ตามมองว่าบริษัทยังมีความสามารถในการเติบโตได้อีกมากจากการขยายสาขาทั้งจาก 1)การขายแฟรนไชส์ซึ่งปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของเองทุกสาขา 2)การขยายสาขาไปยังพื้นที่ใหม่ๆ จากปัจจุบันมีสาขาเฉพาะภาคเหนือตอนบน และ 3)ความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนผ่านการกู้ธนาคารจากปัจจุบันที่ใช้เงินทุนจากกิจการ

 

นอกจากนี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสทำให้รัฐออกมาตรการช่วยเหลือด้านการอุปโภคบริโภคและกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนผ่านโครงการ เราไม่ทิ้งกัน (แจกเงิน 5,000 บาท/เดือน ต่อเนื่อง 3 เดือนในไตรมาส 2/63 และ 3/63), โครงการ คนละครึ่ง (รัฐจ่าย 50% ไม่เกิน 3,000 บาท เริ่มไตรมาส 4/63) และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคนละ 500 บาท/เดือน ต่อเนื่อง 3 เดือน เริ่มไตรมาส 4/63 คาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยหนุนให้ยอดขายในครึ่งปีหลังปี 63 เติบโตทั้งทางตรง(ผ่านการขายแบบ Retails) และทางอ้อม (ผ่านการขายแบบ Wholesales)

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง