รีเซต

‘TNP’ โดดรับเต็มครม.เคาะ คนละครึ่ง-เพิ่มวงเงินบัตร

‘TNP’ โดดรับเต็มครม.เคาะ คนละครึ่ง-เพิ่มวงเงินบัตร
ทันหุ้น
30 กันยายน 2563 ( 09:10 )
522
‘TNP’ โดดรับเต็มครม.เคาะ คนละครึ่ง-เพิ่มวงเงินบัตร

ทันหุ้น - สู้โควิด – ครม.เห็นชอบ โครงการ “คนละครึ่ง-เพิ่มเงินบัตรสวัสดิการ” TNP โดดรับอานิสงส์เต็มที่พบฐานลูกค้าคือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มั่นใจดันยอดขายปีนี้เข้าเป้าโต 10-15% จากปีก่อน 1.96 พันล้านบาท

 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในหลักการโครงการ "คนละครึ่ง" ในลักษณะการร่วมจ่าย (Co-pay) ระหว่างประชาชนที่เข้าร่วมโครงการและรัฐบาล เพื่อช่วยค่าใช้จ่าย 50% ให้กับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่เกิน 10 ล้านคน ใช้ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สลากกินแบ่งรัฐบาล ยาสูบ เป็นต้น เป็นเงิน 3,000 บาท/คน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค.63 โดยประชาชนจะลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น"เป๋าตัง" ส่วนร้านค้าจะใช้แอปพลิเคชั่น"ถุงเงิน" คาดว่าจะช่วยกระตุ้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ได้อีกราว 0.18%

 

ครม.เพิ่มกำลังซื้อ

 

อีกทั้ง ครม. ยังได้อนุมัติโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็นจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น(ร้านธงฟ้า) อีก 500 บาท/คน/เดือน จำนวน 13.9ล้านคน แบ่งเป็น กลุ่มแรก เป็นผู้ที่รายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ปี จากเดิมที่ได้อยู่ 300 จะเพิ่มเป็น 800บาท/เดือน และอีกกลุ่ม คือกลุ่มที่มีรายได้ 30,000-1แสนบาท/ปี จากเดิมที่ได้ 200 บาท จะได้เพิ่มเป็น 700 บาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.63

 

นางอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก และค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ในจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย และประชาชนทั่วไป ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ใน “โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” โดยเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อการอุปโภคบริโภคที่จำเป็น จำนวน 500 บาท/คน บริษัทคาดจะได้รับอานิสงส์ทางตรง เนื่องจากฐานลูกค้าของ TNP ส่วนหนึ่งคือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

 

มั่นใจยอดขายชนเป้า

 

ส่วนมาตรการ “คนละครึ่ง” ให้ประชาชนที่อายุ 18 ปี ขึ้นไปจำนวน 10 ล้านคน คนละ 3,000 บาท ให้เวลาใช้ 3 เดือน โดยจะกำหนดให้ใช้วันละ 100-250 บาท แต่จะเป็นลักษณะร่วมจ่าย โดยผู้ซื้อจ่าย 50% และ รัฐจ่ายให้ 50% บริษัทคาดจะได้รับอานิสงส์ทางอ้อม จากลูกค้าที่ซื้อสินค้าและนำไปจำหน่ายต่อ

 

ทั้งนี้บริษัทมมั่นใจยอดขายปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10-15% จากปีก่อน 1.96 พันล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจากการเติบโตของสาขาเดิมและสาขาใหม่ ซึ่งบริษัทเตรียมจะเปิดสาขาใหม่อีก 1 แห่งภายในไตรมาส 4/2563 ส่วนอีกหนึ่งสาขา หากเปิดไม่ทันภายในปีนี้ บริษัทจะเลื่อนไปเปิดในปีถัดไป หรือปี 2564

ข่าวที่เกี่ยวข้อง