รีเซต

TNP กำไรโตดี แนะนำ “ซื้อ” เป้า 4.62 บาท

TNP กำไรโตดี แนะนำ “ซื้อ”  เป้า 4.62 บาท
ทันหุ้น
21 สิงหาคม 2566 ( 22:39 )
93
TNP กำไรโตดี แนะนำ “ซื้อ”  เป้า 4.62 บาท

โบรกส่องกล้อง TNP คาดผลงานครึ่งปีหลังโตต่อ จากไตรมาส 2/2566 ที่มีกำไร 37.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.5% ปูพรมขยายสาขาเพิ่มอีก 4 แนะ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสม 4.62 บาท อัพไซด์ 38% จ่ายปันผลในอัตราราว 3%

 

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินทิศทาง บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ว่า  งวด 2Q/2566 มีกำไร 37.8 ล้านบาท +10.5%YoY +4.4%QoQ ในทิศทางเดียวกับที่คาด : งวด 2Q/2566 บริษัทมีรายได้จากการขาย 643.8 ล้านบาท +11.2%YoY +3.6%QoQ เติบโตแม้จะไม่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนปีก่อน ซึ่งโดยหลักมาจากการขยายสาขาใหม่ 1 แห่ง สู่ทั้งหมด 43สาขา (+4 สาขา YoY +1สาขา QoQ)

 

** ขายต่อสาขาเพิ่ม

ประกอบกับอัตราการเติบโตของยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น 1.9%YoY จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ เปอร์เซ็นต์ GPM อยู่ที่ระดับ 16.96% (2Q/65 = 17.39%, 1Q/66 = 17.00%) ทรงตัว QoQ แต่อ่อนลง YoY จากต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ส่วน เปอร์เซ็นต์ SG&A/Sales ทรงตัวที่ระดับ 10.61% (2Q/65 = 10.60%, 1Q/66 = 10.26%) ส่งผลให้งวด 2Q/66มีกำไร 37.8 ล้านบาท +10.5%YoY +4.4%QoQ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่คาด และกำไร 1H/2566เท่ากับ 74.1 ล้านบาท +5.8%YoY และคิดเป็น 45% ของประมาณการทั้งปี 2566ที่ 165 ล้านบาท +11%YoY

 

คาดผลประกอบการ 2H/2566จะโตดีต่อเนื่อง YoY และ HoH จากแผนขยายสาขาอีก 4 แห่ง : เราคาดผลประกอบการช่วง 3Q/2566-4Q/2566จะมีโมเมนตัมดีต่อเนื่องซึ่งจะเติบโตรายไตรมาส สะท้อนจาก SSSG ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาที่ยังโตราว 2-3%YoY ส่วนไตรมาส 4 จะเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจ

 

นอกจากนี้ ในช่วง 2H/2566 บริษัทยังมีแผนขยายสาขาอีก 4แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นสาขาขนาดใหญ่เนื้อที่ 1,000ตร.ม. (ปกติขนาดเนื้อที่เฉลี่ย 350 ตร.ม./สาขา) ซึ่งจะเป็น Flagship Store ที่ จ.เชียงราย โดยคาดจะเปิดให้บริการในช่วงเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งสาขาดังกล่าวบริษัทจะขยายขอบข่ายการจำหน่ายสินค้าประเภทอื่นๆ ที่มาร์จิ้นสูงเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีโอกาสที่ เปอร์เซ็นต์ GPM จะปรับดีขึ้นในปีหน้า

 

** เป้า 4.62 บาท

ทั้งนี้เรายังคงประมาณการรายได้และกำไรปี 2566 ราว 2,699 ล้านบาท +11%YoY และ 165 ล้านบาท +11%YoY ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 ยังไม่ได้รวมอัพไซด์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ที่อาจมีเพิ่มเติมหลังการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ อาทิ กระเป๋าดิจิทัล บัตรสวัสดิการ หรือคนละครึ่ง เป็นต้น

 

คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเหมาะสมปี 2566 ลงสู่ 4.62บาท (เดิม 5.75 บาท) : เราปรับราคาเหมาะสม TNP ปี 2566ลงสู่ 4.62 บาท จากเดิม 5.75บาท โดยปรับลด Prospective PER ลงสู่ 22.4x

 

เท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี จากเดิมที่ระดับ 27.5x (5Yr-AVG +1.5SD) สะท้อนอัตราการเติบโตที่กลับเข้าสู่ระดับปกติหลังจากไม่ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนช่วงสถานการณ์ โควิด-19 แพร่ระบาด และคงคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 2566 ราว 0.21 บาท คำนวณเป็นราคาเหมาะสมใหม่เท่ากับ  4.62 บาท มีอัพไซด์ 38% และจ่ายปันผลในอัตราราว 3% ต่อปี ส่งผลให้เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง