รัฐอัดฉีดงบกระตุ้นใช้จ่าย TNPโดดรับ-เร่งขายปลีก
ทันหุ้น – สู้โควิด - TNP ส่งซิก Same Store Sale Growth ขยับขึ้น แม่ทัพหญิง “อมร พุฒิพิริยะ” เดินเกมเน้นขายปลีก ดันมาร์จิ้นพองโต คาดอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้สูงกว่าปีก่อนที่ 15% พร้อมโดดรับรัฐอัดฉีดการบริโภคภายในประเทศ หลังรัฐเพิ่มวงเงินซื้อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็น 500 บาท เดินหน้าปั๊มยอดขายชนเป้าโต 10-15%
นางอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก และค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ในจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า แนวโน้มยอดขายจากแต่ละสาขา หรือ Same Store Sale Growthในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 และคาดทิศทางจะดีต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4 เพราะในไตรมาส 4 และ 1 เป็นไฮซีซั่นของซื้อขายสินค้าในจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้สัดส่วนยอดขายจะมาจากค้าปลีก 92% ค้าส่ง 6-7% และอื่นๆ 1%
เน้นยอดขายปลีก
โดยบริษัทยังเน้นการยอดขายสินค้าแบบค้าปลีก เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) สูง เมื่อเทียบกับค้าส่ง และบริษัทคาดทิศทาง Gross Profit Margin ปีนี้จะมีทิศทางเติบโตเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของยอดค้าปลีก หรือสูงกว่าปีก่อนที่ 15% โดย 6 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมี Gross Profit Margin แล้วที่ 16.05% ซึ่งหากดูจาก Gross Profit Margin ย้อนหลัง 1-2 ปีที่ผ่านมา แนวโน้ม Gross Profit Margin เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยปีละ 1% ถือว่าอยู่ระดับดีของอุตสาหกรรมค้าขาย
ขณะเดียวกันแนวทางการขายสินค้า บริษัทจะมองหาสินค้าใหม่ที่ทำ Gross Profit Marginสูงเข้ามาจำหน่าย รวมถึงสินค้าประเภทอื่น เช่น อาหารสด เป็นต้น ซึ่งบริษัทขอเวลาสำหรับศึกษาแผนการนำสินค้าประเภทดังกล่าวเข้ามาจำหน่าย ปัจจุบันหมวดสินค้าหลักของบริษัทมีอยู่ 5 ประเภท ได้แก่ ของใช้ในครัวเรือน, สินค้าอุปโภคบริโภค สบู่ แชมพู , เครื่องสำอาง , เครื่องดื่มและอาหารแห้ง, สินค้าแม่และเด็ก โดยมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าคือหน้าร้าน หรือจำนวนสาขาทั้งหมด 30 สาขา แบ่งเป็น สาขาในจังหวัดเชียงรายจำนวน 24 สาขา สาขาในจังหวัดเชียงใหม่ 2 สาขา และสาขาในจังหวัดพะเยา 4 สาขา
เพิ่มช่องขายสินค้า
และบริษัทยังมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าจากการโทรสั่งซื้อ และขนส่งสินค้าจากคลังสินค้าไปให้กับลูกค้า ปัจจุบันบริษัทมีรถบรรทุกสำหรับบริการขนส่งสินค้าทั้งหมด 30 คัน สำหรับพื้นที่คลังสินค้าและสาขาทั้งหมด 30 สาขา คิดเป็นพื้นที่รวม 1.1 หมื่นตารางเมตร แบ่งเป็น คลังสินค้า 1 หมื่นตารางเมตร และพื้นที่ตามสาขารวม 1 พันตารางเมตร สำหรับคลังสินค้าที่มีอยู่ ยังมีสาขารองรับการขยายตัวของสาขาในจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียงได้อีก 3-4 ปีข้างหน้า โดยยังไม่จำเป็นต้องขยายคลังสินค้า
ขณะที่มาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อย และประชาชนทั่วไป ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง ใน “โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” โดยเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อการอุปโภคบริโภคที่จำเป็น จำนวน 500 บาท/คน ระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคมนั้น บริษัทคาดจะได้รับอานิสงส์ทางตรง เนื่องจากฐานลูกค้าของ TNP ส่วนหนึ่งคือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
มั่นใจยอดขายชนเป้า
ส่วนมาตรการแจกเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ให้ประชาชนที่อายุ 18 ปี ขึ้นไปจำนวน 15 ล้านคน คนละ 3,000 บาท ให้เวลาใช้ 3 เดือน โดยจะกำหนดให้ใช้วันละ 100-250 บาท แต่จะเป็นลักษณะร่วมจ่าย โดยผู้ซื้อจ่าย 50% และ รัฐจ่ายให้ 50% บริษัทคาดจะได้รับอานิสงส์ทางอ้อม จากลูกค้าที่ซื้อสินค้าและนำไปจำหน่ายต่อ
นางอมร กล่าวต่อว่า บริษัทมมั่นใจยอดขายปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 10-15% จากปีก่อน 1.96 พันล้านบาท โดยการเติบโตจะมาจากการเติบโตของสาขาเดิมและสาขาใหม่ ทั้งนี้บริษัทเตรียมจะเปิดสาขาใหม่อีก 1 แห่งภายในไตรมาส 4/2563 ส่วนอีกหนึ่งสาขา หากเปิดไม่ทันภายในปีนี้ บริษัทจะเลื่อนไปเปิดในปีถัดไป หรือปี 2564
อนึ่ง 6 เดือนแรกบริษัทมียอดขายแล้ว 1.06 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 59.71 ล้านบาท ส่วนปี 2562 บริษัทมียอดขายอยู่ที่ 1.96 พันล้านบาท แบะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 88.60 ล้านบาท