รู้จัก “สัปปายะสภาสถาน” อาคารรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในโลก

รู้จัก “สัปปายะสภาสถาน” อาคารรัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สัปปายะสภาสถาน (Sappaya-Sapasathan) คืออาคารรัฐสภาแห่งใหม่ของประเทศไทย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านเกียกกาย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ใช้เป็นที่ประชุมของ รัฐสภาไทย ซึ่งประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
อาคารแห่งนี้มีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 424,000 ตารางเมตร ทำให้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น อาคารรัฐสภาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็น อาคารของรัฐที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก “เดอะเพนตากอน” ของสหรัฐอเมริกา
สภาที่มีแต่ความสงบร่มเย็นสบาย
ชื่อ “สัปปายะสภาสถาน” มีรากศัพท์จากภาษาบาลี-สันสกฤต โดยคำว่า “สัปปายะ” แปลว่า เหมาะสม สงบ ร่มเย็น และคำว่า “สภาสถาน” หมายถึงสถานที่ของสภา เมื่อรวมกันจึงหมายถึง “สถานที่ประชุมของสภาที่เอื้อต่อการใช้ปัญญาในการทำหน้าที่” แนวคิดนี้สะท้อนเจตนารมณ์ของการออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ให้เป็นสถานที่ทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติที่สงบ มีระเบียบ และเอื้อต่อการพิจารณากฎหมายอย่างมีสติและเหตุผล เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน.
จุดเริ่มต้นของโครงการ
แนวคิดในการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เริ่มขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2551 ในสมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการเพิ่มจำนวนของสมาชิกรัฐสภา เจ้าหน้าที่ และภารกิจทางนิติบัญญัติที่ขยายตัวมากขึ้น อาคารรัฐสภาหลังเดิมบนถนนอู่ทองใน ซึ่งใช้มาตั้งแต่ปี 2517 เริ่มคับแคบและไม่รองรับการทำงานที่ซับซ้อนในยุคใหม่
ที่ตั้งของอาคารใหม่เลือกจากพื้นที่ราชพัสดุบริเวณถนนทหาร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ซึ่งต่อมาถูกพัฒนาเป็นโครงการ “สัปปายะสภาสถาน” มีพื้นที่ดินประมาณ 120 ไร่ และออกแบบให้มีระบบการทำงานที่รองรับสภา 2 สภาได้อย่างสมบูรณ์
การออกแบบและแนวคิดสถาปัตยกรรม
การออกแบบอาคารรัฐสภาแห่งนี้เกิดจากการประกวดแบบระดับชาติ โดยผู้ชนะคือกลุ่ม “สงบ 1051” นำโดย นายธีรพล นิยม สถาปนิกและศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ โดยมีการรวมทีมสถาปนิก วิศวกร และที่ปรึกษาจากหลายสถาบัน
รูปแบบอาคาร เป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ที่ผสมผสานแนวคิด “ไตรภูมิ” กับระบบงานสมัยใหม่ มีเจดีย์ “พระสุเมรุ” เป็นศูนย์กลางเชิงสัญลักษณ์ สื่อถึงความสงบ สติ และคุณธรรมในการทำหน้าที่นิติบัญญัติ
โครงสร้างอาคารเป็น คอนกรีตเสริมเหล็ก สูง 9 ชั้น และชั้นใต้ดิน 2 ชั้น รวมเป็น 11 ชั้น ประกอบด้วย
- ห้องประชุมพระสุริยัน – ห้องประชุมใหญ่ของ สภาผู้แทนราษฎร
- ห้องประชุมพระจันทรา – ห้องประชุมใหญ่ของ วุฒิสภา
- โถงรัฐพิธี – ใช้สำหรับพิธีเปิดประชุมรัฐสภาโดยพระมหากษัตริย์
พิพิธภัณฑ์ประชาธิปไตย - พื้นที่สำนักงาน ส.ส. และ ส.ว.
- ร้านอาหาร ห้องประชุมย่อย สโมสร ห้องรับรอง และลานประชาชน
การก่อสร้างและงบประมาณ
โครงการเริ่มต้นวางศิลาฤกษ์ในวันที่ 12 สิงหาคม 2553 โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ในขณะนั้น จากนั้นเริ่มลงเสาเข็มเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2556 และว่าจ้างบริษัท ซิโน–ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาหลัก
เดิมทีโครงการกำหนดให้ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2558 แต่เนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น การส่งมอบพื้นที่ล่าช้า น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 และสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องมีการขยายสัญญาหลายครั้ง จนแล้วเสร็จและเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 และรัฐสภาไทยรับมอบงานก่อสร้างครบถ้วนใน วันที่ 4 กรกฎาคม 2567
งบประมาณรวมของโครงการอยู่ที่ประมาณ 22,987 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งงานก่อสร้างหลัก พื้นที่สีเขียว การตกแต่งภายใน ระบบเทคโนโลยี และงานภูมิสถาปัตยกรรม
หน้าที่ของรัฐสภาไทยในระบบประชาธิปไตย
ตามรัฐธรรมนูญ 2560 รัฐสภาไทย มีอำนาจนิติบัญญัติของประเทศ ประกอบด้วย 2 สภา
- สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิก 500 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรง แบ่งเป็นแบบแบ่งเขต 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน มีวาระ 4 ปี
- วุฒิสภา มีสมาชิก 250 คน มาจากการแต่งตั้ง มีวาระ 5 ปี
รัฐสภาทำหน้าที่ออกกฎหมาย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน และให้ความเห็นชอบในเรื่องสำคัญของชาติ เช่น การให้สัตยาบันสนธิสัญญา การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
พิธีเปิดประชุมรัฐสภา
หนึ่งในพิธีสำคัญที่จัดขึ้นในอาคารนี้คือ รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 122 โดยพระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินหรือโปรดเกล้าฯ ให้ผู้แทนพระองค์มาทำพิธีเปิดประชุมในสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งแรก
ปัจจุบันมีการใช้ โถงเจดีย์จุฬามณี ภายในอาคารแห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธี โดยมีสมาชิกสภา ข้าราชการ และคณะทูตานุทูตเข้าร่วมอย่างเป็นทางการ
สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี
- จอดรถได้มากกว่า 2,000 คัน
- ระบบควบคุมอุณหภูมิและเสียงแบบอัจฉริยะ
- พิพิธภัณฑ์การเมืองประชาธิปไตยและพื้นที่รับเรื่องร้องเรียน
- ห้องรับรองสื่อมวลชน ห้องสัมภาษณ์ และศูนย์ข้อมูล
พื้นที่บริเวณรอบนอกยังมี ลานประชาชน ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัยภายในตัวอาคาร เหมาะสำหรับการจัดกิจกรรมสาธารณะหรือยื่นข้อเสนอแนะต่อฝ่ายนิติบัญญัติ
สัปปายะสภาสถาน ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาคารประชุมของสมาชิกรัฐสภา แต่เป็นศูนย์กลางเชิงสัญลักษณ์ของระบบประชาธิปไตยไทย ที่สะท้อนการพัฒนาเชิงกายภาพของสถาบันนิติบัญญัติ ควบคู่ไปกับระบบรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งตามสิทธิเสรีภาพของประชาชน
แม้อาคารนี้จะเป็น “ใหญ่ที่สุดในโลก” ในแง่โครงสร้าง แต่สิ่งสำคัญยิ่งกว่าคือบทบาทในการรับฟัง เสนอแนะ และออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของสาธารณะในทุกมิติของประเทศ