เก้าอี้นายกฯ บนเส้นทางไม่แน่นอน ศาลรัฐธรรมนูญจะเขียนฉากทัศน์แบบไหน

บ่ายวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้เสร็จสิ้นการไต่สวนคดีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กระบวนการที่ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงครึ่งนี้ไม่ได้ปิดฉากเพียงแค่การสอบพยาน แต่ยังเปิดฉากการนับถอยหลังสู่จุดชี้ขาดที่ทุกฝ่ายรอคอย เพราะสิ่งที่ตามมาคือการยื่นคำแถลงปิดคดี และการอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม ซึ่งอาจเป็นวันเปลี่ยนทิศทางการเมืองไทยทั้งระบบ
ขั้นตอนสำคัญที่ถูกกำหนด
หลังปิดการไต่สวน ศาลรัฐธรรมนูญได้กำหนดกรอบเวลาอย่างชัดเจน ขั้นแรกคือการยื่นคำแถลงปิดคดีจากทั้งผู้ร้องและผู้ถูกร้องภายในวันที่ 25 สิงหาคม หากพ้นกำหนดและไม่มีการส่งเอกสาร จะถือว่าไม่ติดใจยื่นเพิ่มเติม ซึ่งหมายความว่าข้อเท็จจริงทั้งหมดจะถูกปิดตายอยู่เพียงเท่านั้น
ต่อมาคือวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 09.30 น. ศาลจะประชุมเพื่อปรึกษาหารือและลงมติ ก่อนนัดอ่านคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการนี้ถูกเฝ้ามองอย่างใกล้ชิด เพราะผลลัพธ์ไม่ได้มีผลต่อบุคคลเพียงรายเดียว แต่ยังโยงไปถึงเสถียรภาพของรัฐบาลและสมดุลทางการเมืองทั้งประเทศ
ผลลัพธ์ที่รออยู่สองทาง
เมื่อพิจารณาตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) และ 160 (4)(5) หากศาลมีคำวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรี ตำแหน่งผู้นำรัฐบาลจะต้องว่างลงทันที และประเทศจะเข้าสู่ภาวะการเมืองที่ไม่แน่นอน อาจต้องจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หรือแม้กระทั่งนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไป
แต่หากคำวินิจฉัยออกมาในทางตรงข้าม นางสาวแพทองธารก็จะเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีต่อไป ท่ามกลางโจทย์ท้าทายด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์การเมืองตึงเครียดขึ้นไปอีก
กระบวนการคู่ขนานจาก ป.ป.ช.
ในขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะปิดเกมด้วยคำวินิจฉัย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก็ได้ตั้งองค์คณะไต่สวนในประเด็นเดียวกัน แม้กระบวนการนี้จะใช้เวลานานกว่า แต่ผลลัพธ์อาจร้ายแรงกว่าด้วยซ้ำ เพราะหากมีการชี้มูลความผิด อาจนำไปสู่การถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง ถือเป็นแรงกดดันอีกชั้นหนึ่งที่ซ้อนอยู่เหนือการตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญ
มิติทางการเมืองที่กว้างกว่าเก้าอี้นายกฯ
คดีนี้จึงมิได้จำกัดอยู่แค่ชะตาของนักการเมืองรายหนึ่ง แต่ยังเป็นบททดสอบต่อความมั่นคงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและระบบการเมืองไทยโดยรวม หากผลการวินิจฉัยออกมาในทางที่ทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง คำถามใหญ่คือใครจะขึ้นมารับช่วงต่อ และกลไกภายในพรรคจะสามารถรับมือกับแรงกระเพื่อมครั้งนี้ได้อย่างไร ขณะเดียวกัน หากยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไป แรงต้านก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะกระบวนการ ป.ป.ช. จะยังเดินหน้าต่อ และอาจกลายเป็นเงื่อนไขที่พร้อมปะทุขึ้นมาในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
