รีเซต

แผนไม่ลับ "ศุภจี" กับภารกิจ 4 เดือน พลิกฟื้นการค้า-เศรษฐกิจไทย

แผนไม่ลับ "ศุภจี" กับภารกิจ 4 เดือน พลิกฟื้นการค้า-เศรษฐกิจไทย
TNN ช่อง16
11 ตุลาคม 2568 ( 10:00 )
9

 "ศุภจี สุธรรมพันธุ์" 4 เดือน พลิกฟื้นการค้า-เศรษฐกิจไทย


ภายใต้ความท้าทาย 4 เดือนในการบริหารประเทศของรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล หนึ่งในรัฐมนตรีที่โดดเด่นในฐานะความหวังของประชาชนและภาคธุรกิจ คือ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งล่าสุดได้แสดงวิสัยทัศน์ในการนำพาประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง ไปสู่ยุคของเศรษฐกิจใหม่ ในหัวข้อ “Thailand’s Opportunities & Challenges" ภายในงานสัมมนา Thailand Economic Outlook 2026 “Out of The Trap” 


โดยหนึ่งในเนื้อหาสำคัญ คือ การวางยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ ทั้งหมด 3 ด้าน คือ 


ยุทธศาสตร์ที่ 1 : เสริมรายได้ 

ยกระดับสินค้าเกษตร โดยเฉพาะ "ข้าวไทย"  ปีนี้ประเทศไทยมีข้าว 25.8 ล้านตัน มีสต๊อกข้าว 1.8 ล้านตันที่ต้องบริหารให้ได้ราคาดีที่สุด 

ออกโครงการลดต้นทุนเกษตรกร เช่น โครงการธงเขียว ลดราคาปุ๋ย 

ดูแลสมดุล อุปสงค์-อุปทาน (Demand-Supply) เพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกิน


ยุทธศาสตร์ที่ 2 : สร้างและขยายตลาดใหม่ 

กระตุ้นเอกชนใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ที่มีอยู่ให้มากขึ้น ปัจจุบันไทยมี FTA 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศ 

ล่าสุดกลุ่ม EFTA (ยุโรป 4 ประเทศ: สวิตเซอร์แลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ ลิกเตนสไตน์) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเจรจากับประเทศที่มีมาตรฐานสูง และยังเป็นต้นแบบไปสู่

เร่งเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป (EU) และเกาหลีใต้ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมภายในต้นปีหน้า 

วางแผนจัด Trade Mission เจาะตลาดใหม่และตลาดที่มีศักยภาพ เช่น อินเดีย ซาอุดีอาระเบีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา


ยุทธศาสตร์ที่ 3 : ลดค่าครองชีพประชาชน 

โครงการธงฟ้า ต่อเนื่องกว่า 1,300 ครั้งทั่วประเทศ ขยายสู่พื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด 

เปิดความร่วมมือใหม่กับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสด้านราคายา

ประชาชนสามารถมีโอกาสตัดสินใจที่จะเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้ในราคามาตรฐาน 

คาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพด้านยาได้กว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี 

ผลักดันสินค้าชายแดน-ชุมชน เข้าสู่ตลาดของขวัญปลายปี ออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจฐานราก




นอกจากนี้รัฐมนตรีพาณิชย์ ระบุด้วยว่า จุดแข็งของประเทศไทย คือ ที่ตั้ง ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานการผลิต และกระจายสินค้าได้ทั่วภูมิภาค และด้วยเครือข่าย FTA ที่ครอบคลุม จึงเป็นโอกาสสำคัญในการดึงดูดนักลงทุน และขยายการค้าการลงทุนในอนาคต ซึ่งไทยต้องใช้จุดแข็งนี้ให้เต็มที่ ผสานกับองค์ความรู้ และการนำเทคโนโลยีมาช่วยปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้ก้าวออกจากกับดักรายได้ปานกลาง มุ่งสู่ประเทศที่ขับเคลื่อนด้วย Value-Based Economy เน้นนวัตกรรมและคุณค่าอย่างแท้จริง โดยรัฐบาลพร้อมสร้างความเชื่อมั่น ภาคเอกชนได้รับโอกาส และประชาชนได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน


ขณะเดียวกันมองว่า ไทยต้องเร่งปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) สงครามการค้า และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ 


ปัจจุบันนี้โลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงใน 4 เทรนด์สำคัญ ได้แก่


1. De-globalization : การกระจายตัวของห่วงโซ่อุปทาน และการลดการพึ่งพา


2. De-carbonization : การขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่ไทยต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป


3. Digitalization : การเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ซึ่งอาจเป็นทั้ง “โอกาสและอุปสรรค”


4. Demographics : โครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ ส่งผลต่อกำลังแรงงานและศักยภาพการผลิต



นอกจากนี้รัฐมนตรีพาณิชย์ยังมีความเป็นกังวลเรื่องการเกิดภาวะเงินฝืดในประเทศไทย หลังจากเงินเฟ้อทั่วไปติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเงินฝืดได้ หากไม่เร่งกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศ โดยที่เศรษฐกิจไทยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เติบโตเฉลี่ยปีละ 5% แต่ปัจจุบันนี้ลดลงไปเหลือเพียงแค่ 2% และคาดว่าปี 2568 จะเติบโตเพียง 1.8-2.3% 


ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ทางกระทรวงพาณิชย์ ได้ยึดแนวคิดหลัก คือ  “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว” ผ่าน 3 ยุทธศาสตร์ และ 7 นโยบาย "Quick Big Win" เพื่อเสริมรายได้ให้เกษตรกร สร้างตลาดใหม่ และลดค่าครองชีพประชาชน โดยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ “หลุดจากกับดัก” ต้องอาศัยการปรับแนวคิดและโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่บน 3 หลักการสำคัญ ได้แก่


1. Demand-Driven Economy แทน Supply-Driven Economy ไทยต้องปรับจากการผลิตตามกำลัง (Supply) ไปสู่การผลิตตามความต้องการของตลาด (Demand) โดยใช้ข้อมูลเชิงลึก (Market Intelligence) และเทคโนโลยีดิจิทัลมาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อให้การผลิตสินค้าและบริการตอบโจทย์ตลาดจริง โดยเฉพาะตลาดใหม่ในต่างประเทศ


2. ไทยต้องพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารสู่ “อาหารอนาคต” (Future Food) เช่น อาหารสุขภาพ อาหารโปรตีนทางเลือก และอาหารฟังก์ชัน ที่สอดคล้องกับแนวโน้มความยั่งยืนของโลก (Sustainability) พร้อมสร้าง Value Chain ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก


3. Technology Transformation & Digital Empowerment การนำเทคโนโลยีและ AI มาใช้ยกระดับทุกมิติของการค้า ตั้งแต่การผลิต การกระจายสินค้า ไปจนถึงการให้บริการภาครัฐ เช่น แพลตฟอร์ม “MOC+” (+ คือ ประชาชน) ที่กระทรวงพาณิชย์กำลังพัฒนา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้สะดวก โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง