รีเซต

จากศพชาวเกาหลีในกัมพูชา ทำไมคนเกาหลีเป็นทั้งเหยื่อ และผู้ปฏิบัติการในสแกมข้ามชาติ ?

จากศพชาวเกาหลีในกัมพูชา ทำไมคนเกาหลีเป็นทั้งเหยื่อ และผู้ปฏิบัติการในสแกมข้ามชาติ ?
TNN ช่อง16
19 สิงหาคม 2568 ( 13:01 )
19

สื่อเกาหลีใต้ก็ได้รายงานถึงการพบศพชาวเกาหลีในสแกมเซ็นเตอร์ ทั้งยังคาดว่าถูกทรมานจนเสียชีวิตด้วย แม้ว่ารัฐบาลกัมพูชาจะเริ่มปราบปรามสแกมเมอร์ในประเทศตัวเองอย่างเข้มงวด  

การพบศพครั้งนี้ สะท้อนถึงกระบวนการเหล่านี้ดำเนินการ ที่พาคนเกาหลีมาอย่างไร ชาวเกาหลีโดนหลอกไปเป็นสแกมเมอร์กันมากแค่ไหน และชาวเกาหลีเอง มีส่วนร่วม เป็นคนในองค์กรเหล่านี้ด้วยอย่างไร ?


ศพชาวเกาหลี หลักฐานสะท้อนการถูกซ้อมทรมานในสแกมเซ็นเตอร์

ตำรวจกัมพูชา พบศพของชาวเกาหลีใต้ ในจังหวัดกำปอต ข้างถังขยะขนาดใหญ่ ในคอมเพล็กซ์ที่ต้องสงสัยว่าเป็นศูนย์สแกมเซ็นเตอร์ โดยศพนั้นถูกห่อด้วยผ้า และถุงพลาสติก โดยมีใบหน้าบวมช้ำ พร้อมคราบเลือด ซึ่งบ่งบอกว่าเขาอาจถูกทุบตีจนเสียชีวิต

กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ยืนยันว่า ผู้เสียชีวิตเป็นชาวเกาหลีนามสกุลปาร์ค และเรียกร้องให้มีการสอบสวนจากทางการกัมพูชา แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็ตั้งข้อสังเกตว่า การยืนยันรายละเอียดเพิ่มเติมเป็นเรื่องยากด้วย 

คอมเพล็กซ์ที่ต้องสงสัยว่าเป็นศูนย์สแกมเซ็นเตอร์ที่เป็นจุดพบศพนั้น ถูกรายงานว่าดําเนินการโดยกลุ่มอาชญากรรมจีน แต่ตึก และข้อมูลต่างๆ ถูกปิดอย่างเข้มงวด ขณะที่ประเมินได้ว่า เหยื่อรายนี้ถูกคุมขังก่อนจะฆ่าโดยแก๊งค์อาชญากรรม 

การทำร้าย และบีบบังคับดูจะเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในสแกมเซ็นเตอร์เหล่านี้ โดยชายชาวเกาหลีใต้วัย 28 ปี ที่เพิ่งหลบนี้ออกมาได้จากศูนย์เหล่านี้ก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้ว่า “สมาชิกแก๊งจีนจะฆ่าใครบางคนได้อย่างง่ายดายหากมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง” ทั้งชี้ว่าทุบตี ไฟฟ้าช็อต และการฉีดน้ําเกิดขึ้นเป็นกิจวัตร 

สอดคล้องกับรายงานของ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ชี้ว่า ในศูนย์สแกมเซ็นเตอร์ มีเหยื่อค้ามนุษย์ที่ถูกบังคับให้ทำงานหลอกลวงผู้คนทั่วโลก หากทำงานไม่ได้ตามเป้าก็จะถูกทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ทั้งการช็อตด้วยกระบองไฟฟ้า การขังในห้องมืด และถูกทุบตี ทั้งรายงานยังประเมินว่ามีแหล่งสแกมเซ็นเตอร์มากกว่า 50 แห่งที่ดําเนินงานทั่วกัมพูชา หรือรายงานของสถาบันสันติภาพในสหรัฐฯ ที่ชี้ว่าอาชญากรรมออนไลน์ในกัมพูชามีมูลค่าถึง 12.5 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว  หรือคิดเป็นประมาณ 27% ของ GDP กัมพูชา และมีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมากกว่า 150,000 คน 

 

ชาวเกาหลี ที่ถูกหลอกโดยชาวเกาหลีด้วยกันเอง ไปเป็นสแกมเมอร์มากขึ้นเรื่อยๆ 

สำหรับชาวเกาหลีใต้เอง ก็มีตัวเลขว่าถูกหลอกไปกัมพูชาในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ รายงานของกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ ชี้ว่า มีคนที่ถูกลักพาตัว หรือคุมขังในกัมพูชาเพียง 21 คนในปี 2023 แต่ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 221 คนในปี 2024 และภายในครึ่งปีแรกของปีนี้ ก็มีรายงานตัวแลขแล้วถึง 212 คน ซึ่งทำให้คาดได้ว่า ยอดรวมในปีนี้อาจสูงถึงสองเท่าของปีที่แล้ว

แต่ถึงอย่างนั้น แม้จะเป็นที่รู้กันว่าบอสใหญ่ หรือผู้อยู่เบื้องหลังสแกมเมอร์เหล่าน้ี คือชาวจีน หรือจีนเทา แต่ก็มีรายงานว่า มีชาวเกาหลีที่เข้าร่วมแก๊งเหล่านี้ ขึ้นเป็นหัวหน้าที่อยู่ภายใต้คนจีนอีกต่อ 

จากการสืบสวน ลงพื้นที่ของนักข่าวสำนักข่าว Chosun Ilbo ของเกาหลีใต้ เล่าว่า เมื่อเขาเดินทางถึงแหล่งของสแกมเซ็นเตอร์ในสีหนุวิลล์ มีชาวกัมพูชาที่เตือนเขาให้ระวัง และเตือนว่านี่คือพื้นที่แหล่งอาชญากรรม รวมถึงยังมีสมาชิกแก๊งจากเกาหลีใต้หลายคนมาที่นี่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ด้วย ซึ่งตำรวจกัมพูชาเองก็ได้ยืนยันคำพูดนี้ โดยชี้ว่า การเข้ามาของสมาชิกแก๊งชาวจีน และเกาหลีใต้ ทำให้ความปลอดภัยสาธารณะแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

โดยรายงานชี้ว่า แม้ว่าส่วนใหญ่ อาชญกรรมเหล่านี้ นําโดยชาวจีน แต่สมาชิกแก๊งหลายคนเป็นชาวเกาหลี ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้ และหลอกเงินหลายแสนล้านวอนในแต่ละปี ทั้งตํารวจกัมพูชาประเมินว่าชาวเกาหลีประมาณ 2,000 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งเหล่านี้ด้วย

นักข่าวจาก Chosun Ilbo ยังรายงานอีกว่า เขาได้เห็นป้ายภาษีจีนเต็มไปทั่วถนนในสีหนุวิลล์ อาคารหลายแห่งทิ้งร้าง สร้างยังไม่เสร็จ และมีคาสิโนที่มีป้ายภาษาจีนมากมายเปิดทำการอยู่ ซึ่งชาวเกาหลีในกัมพูชาให้ข้อมูลกับเขาว่า “สมาชิกแก๊งว๊อยฟิชชิ่ง อาศัยและทํางานอยู่ชั้นบนของคาสิโน การรักษาความปลอดภัยแน่นมาก คนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้ได้”

อาคารทิ้งร้างเหล่านี้ ต่างเป็นผลจากเงินทุนของจีน เพื่อก่อสร้างศูนย์กลางท่องเที่ยว คอมเพล็กซ์ และคาสิโน แต่การเข้ามาของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว เกิดการไหลออกของการลงทุนของจีน และทิ้งตึกที่สร้างไม่เสร็จไว้จำนวนมาก จนถูกดัดแปลงให้กลายเป็นที่หลบภัย และบัญชาการสำหรับ องค์กรอาชญากรรมของจีน

ชาวเกาหลีใต้ที่เปิดร้านอาหารในสีหนุวิลล์ยังเล่าว่าจํานวนชาวเกาหลีที่ทํางานภายใต้องค์กรอาชญากรรมของจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง “มันอุกอาจที่ได้เห็นชาวเกาหลีมาถึงที่นี่ รับคําสั่งจากหัวหน้าแก๊งชาวจีน และหลอกลวงเพื่อนร่วมชาติของพวกเขาเอง” แหล่งข่าวระบุ

สำนักข่าว Chosun Ilbo ยังได้สัมภาษณ์อดีตสมาชิกขององค์กรสแกมเมอร์ในเมืองปอยเปตชายแดนกัมพูชา เขาระบุว่า “มันทํางานเหมือนบริษัทใหญ่” “ผู้บริหาร ที่เทียบเท่ากับซีอีโอ คือพวกอันธพาลชาวจีน คนงานระดับล่างคือชาวเกาหลีใต้ คนไทย และชาวเวียดนาม พวกเขาให้เช่าทั้งชั้นของอาคารและใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการ”

องค์กรดําเนินการภายใต้โครงสร้างที่แบ่งขั้น โดยมีทีมที่ได้รับมอบหมายให้มีบทบาทเฉพาะ สิ่งที่เรียกว่า 

- ‘ทีมอัยการ’ ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายหรืออัยการเพื่อบีบบังคับเหยื่อ 

- ‘ทีมแฮ็ค’ ล่อเหยื่อให้ติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย 

- ‘ทีมโอน’ จัดการการเคลื่อนไหวและการฟอกเงิน 

และมีผู้นําคนจีนเตรียมสคริปต์หลอกลวงโดยละเอียดซึ่งแปลเป็นภาษาเกาหลี การดําเนินการยังรวมถึงการไลฟ์สดภาษาเกาหลี และการสื่อสารคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งแปลเป็นภาษาท้องถิ่นอย่างพิถีพิถันเพื่อกําหนดเป้าหมายเหยื่อชาวเกาหลีใต้โดยเฉพาะ 

ทั้งที่ผ่านมาแก๊งสแกมเมอร์ได้ล่อชาวเกาหลีใต้ให้ไปกัมพูชาด้วยข้อเสนอที่คลุมเครือเกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ที่มีค่าตอบแทนสูง และไม่จําเป็นต้องมีประสบการณ์ จากนั้นเหยื่อก็ถูกลักพาตัว และถูกบังคับให้เข้าร่วมในแผนว๊อยฟิชชิ่ง

แต่หลังจากกระบวนการนี้ ถูกสื่อเปิดโปงมากขึ้น องค์กรได้เปลี่ยนวิธีเป็นการอธิบายว่าเป็น งานสตาร์ทอัพ ที่มีการสมัครงานภายใต้สัญญาอย่างเป็นทางการ โดยได้รับเงินเดือน 2,000 ถึง 3,000 ดอลลาร์ต่อเดือน (6,5000 - 100,000 บาท) พร้อมสิ่งจูงใจด้วยรางวัลจากผลงาน ทั้งหลายคนสามารถใช้โทรศัพท์ และออกนอกสถานที่ได้ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์การสรรหาบุคลากร ที่แม้จะมีค่าจ้างประจำ แต่การดําเนินงานก็ยังคงทํากําไรได้

รูปแบบงานเหล่านี้ เมื่อคนเกาหลีเดินทางมาถึงกัมพูชา ยังมักถูกยึดหนังสือเดินทาง ทำให้หนีกลับบ้านได้ยาก แต่ปัจจุบัน คนที่ทำผลงานได้ดี จะถูกเรียกว่า ‘เอซ’ หรือตัวท็อปนั้น จะได้รับหนังสือเดินทางคืน ทั้งยังถูกล่อลวงโดยหัวหน้างานว่า ‘อยู่ที่นี่ ทำเงินได้มากกว่าที่เคยดิ้นรนหาได้ในเกาหลีใต้’ ด้วย 

ด้วยระบบที่เปลี่ยนไป เจ้าหน้าที่ตํารวจท้องถิ่นตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้มีบุคคลจํานวนมากขึ้นเข้าร่วมปฏิบัติการดังกล่าวโดยสมัครใจ โดยได้รับคําสัญญาว่าจะได้เงินอย่างรวดเร็ว 

ผู้สื่อข่าวของ Chosun Ilbo ยังเล่าอีกว่า นอกจากธุรกิจสแกมเมอร์ที่เติบโตไป รอบๆ ยังมีเศรษฐกิจ และธุรกิจจ่างๆ ที่เติบโตเพื่อให้บริการแก่สแกมเมอร์เหล่านี้ด้วย เช่นร้านนวด หรือร้านอาหารเกาหลี โดยเจ้าของร้านนวดชาวเกาหลีกล่าวว่า "เราได้รับคําขอให้สำหรับบริการนวดทุกวัน จากกลุ่มอาชญากรที่นําโดยชาวเกาหลี" หรือเจ้าของร้านอาหารเกาหลีเองก็เสริมว่า “เราได้ส่งอาหารเกือบ 1,000 ชุดต่อวัน ทั้งบิบิมบับ หรือซุปกระดูกวัว และอื่นๆ สําหรับกลุ่มนี้”


การจับกุม และจัดการที่ยากลำบาก เพราะเกิดขึ้นนอกพื้นที่ประเทศ

เมื่อมีชาวเกาหลีใต้เป็นเหยื่อ และมีส่วนร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ได้พยายามจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ก็ยอมรับว่า สถานที่หลอกลวงของกัมพูชามักดําเนินการอยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐ และขาดอำนาจการสืบสวน 

โดยปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ตํารวจเกาหลีใต้เพียงคนเดียวที่ประจําการอยู่ที่สถานทูตในพนมเปญ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อที่ติดต่อสถานทูตควรรายงานตัวโดยตรงกับตํารวจกัมพูชา เนื่องจากสถานทูตไม่สามารถปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือหรือสืบสวนได้ด้วยตัวเอง

เช่นเดียวกับ พ.ต.ต.สิริวิชญ์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่ก็เคยพูดเช่นกันว่า หลายครั้งการทำงานติดชะงัก เพราะประเทศต้นทางไม่ให้ความร่วมมือ และปฏิเสธว่าเป็นอาชญากรรมสแกมเมอร์ที่มีค้ามนุษย์มาเกี่ยวข้องด้วย 

กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้ประกาศจริงจังกับการจัดการสแกมเมอร์ และเริ่มการจับกุม รวมถึงตั้งคณะทำงานให้จัดการแสกมเมอร์ในแต่ละพื้นที่ แต่ถึงอย่างนั้น เราอาจต้องกลับมาตั้งคำถามว่า การประกาศของรัฐบาลกัมพูชานั้นจริงจังในการจัดการปัญหานี้จริงแค่ไหน เมื่อยังมีข่าวการเสียชีวิตของเหยื่อค้ามนุษย์ข้ามชาติ รวมถึงการดำเนินการของอาชญากรรมเหล่านี้อยู่

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง