รีเซต

ASPS ส่องหาหุ้นการเมืองเด่น ราคาหุ้น Laggard

ASPS ส่องหาหุ้นการเมืองเด่น ราคาหุ้น Laggard
ทันหุ้น
17 สิงหาคม 2566 ( 09:55 )
81
ASPS ส่องหาหุ้นการเมืองเด่น ราคาหุ้น Laggard

บล.เอเซีย พลัส หรือ ASPS แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่การเมืองยังไม่นิ่ง โดยแนะนำหุ้นที่ราคา Laggard และเป็นหุ้นที่ เคยร่วงแรงจากความกังวลเปลี่ยนผ่านทางการเมืองก่อนหน้านี้ที่มีโอกาสดีดตัวขึ้นมาได้ แนะนำหุ้นเด่น 5 กลุ่ม คือ (1) หุ้นรายได้อิงโครงการ ภาครัฐ STEC, CK, BEM (2) หุ้นหวังพึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม SAWAD, CBG, JMT (3) หุ้นทุนผูกขาด TRUE, CRC, CPN, CPALL, BJC (4) หุ้นได้รับผลกระทบปรับสูตรค่าไฟฟ้า GULF, BGRIM, GPSC, PTTGC (5) หุ้นรับกระแสข่าวดังกล่าว SIRI, SC, ADVANC, PR9, SCB 

 

และจากรายชื่อหุ้นดังกล่าว ฝ่ายวิจัยฯ นำมาพิจารณาเพิ่มเติม ในมุมระดับความสูงต่ำของราคาในรอบ 1 ปี และผลตอบแทนตั้งแต่ช่วงหลังจากวันเลือกตั้งปี 66 ถึงปัจจุบัน เพื่อค้นหาหุ้นการเมืองเด่น ที่ราคายัง Laggard ตลาดตั้งแต่วันเลือกตั้ง (15 พ.ค. - ปัจจุบัน)และน่าซื้อสะสม ได้ผลลัพธ์ดังนี้

 

-หุ้นที่ Laggard ตลาดในช่วงหลังจากวันเลือกตั้ง และราคาลงมาอยู่ใกล้แนวรับหรือระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี คือ GPSC, CRC, TRUE, PTTGC, SAWAD

 

-หุ้นที่ Laggard ตลาด ในช่วงหลังจากวันเลือกตั้ง แต่ภาพรวมระยะกลาง ราคายังมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด คือ SC, BJC, BGRIM, CPALL, STEC, GULF, PR9

 

ฝ่ายวิจัยเอเซีย พลัส ระบุว่า วานนี้รัฐธรรมนูญมีมติเป็นเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีรัฐสภาใช้ข้อบังคับการประชุมที่ 41 กับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทำให้Candidate นายกฯ จากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถถูกเสนอชื่อชิงเก้าอี้นายกฯ รอบ 2 โดยศาลเห็นว่าผู้ร้องไม่ได้ถูกละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ม.213 ขณะที่ฝั่งประธานสภา จะนัดหารือวิป 3 ฝ่าย วันที่ 18 ส.ค. 66 เพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับวันประชุมเพื่อโหวตนายกรอบที่ 3 พร้อมกับข้อสงสัยของ สว.ว่าแคนดิเดตนายกจากพรรคเพื่อไทย ต้องแสดงวิสัยทัศน์หรือไม่ โดยเบื้องต้นคาดวันโหวตนายกฯ คือ 22 ส.ค.66 

 

หากการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เดินหน้าไปอย่างอย่างราบรื่น ก็จะช่วยลดความกังวลเรื่องสุญญากาศทางการเมืองและงบประมาณประจำปี 2567 ไปได้ระดับหนึ่ง และน่าจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยตอบสนองเชิงบวกได้ ส่วนประเด็นการเก็งกำไร ก็อาจเกิดขึ้นกับหุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จากแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลใหม่ (นโยบายหลักๆของพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ เติมเงินกระเป๋าดิจิทัล 10,000 บาท, ค่าแรง 600 บาท / เงินเดือน ป.ตรี 25,000 บาท,รถไฟฟ้า20 บาทตลอดสาย, เปิดศูนย์ฟอกไตเทียมทุกอำเภอ, พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น-หยุดดอก,บัตรประชารัฐ, บัตรสวัสดิการพลัส, คนละครึ่งภาค 2 เป็นต้น)

สรุป ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินภาพการเมืองมีทิศทางที่สดใสขึ้น และมีโอกาสรู้ตัวนายกฯ ในสัปดาห์หน้า ขณะที่หลังจากจัดตั้งรัฐบาลและได้ชุด ครม.เรียบร้อย คาดเห็นการผลักดันนโยบายของแต่ละพรรคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง