'ช.การช่าง' เซ็นสัญญาอุโมงค์ประปา 5 พันล้าน จ่อคว้า 2 สัญญารถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย 4.7 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) แถลงว่า ในวันนี้บริษัทได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการอุโมงค์ส่งน้ำประปา สัญญาที่ G-TN-9D จากสถานีสูบจ่ายน้ำบางมด ถึงสถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร กับการประปานครหลวง (กปน.) มูลค่า 4,950 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โครงการนี้เป็นงานก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำประปาตามแนวถนนกาญจนาภิเษกและถนนทางรถไฟสายเก่า จากสถานีสูบจ่ายน้ำบางมด ถึงสถานีสูบจ่ายน้ำสำโรง โดยใช้หัวขุดเจาะอุโมงค์ แบบ TBM มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี 4 เดือน ถือเป็น 1 ใน 4 สัญญาที่กปน. ได้เปิดประมูลตามโครงการปรับปรุงกิจการประปานครหลวงแผนหลักครั้งที่ 9 เพื่อเชื่อมโยงการจ่ายน้ำประปาจากฝั่งตะวันตกไปผั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร โดยบริษัทพร้อมเริ่มก่อสร้างทันที และมั่นใจว่าจะดำเนินการก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามแผน เพราะบริษัทมีความพร้อมและเป็นงานที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงเด่นชัย- เชียงราย-เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ระยะทาง 323 กิโลเมตร สัญญาที่ 1, 2 และ 3 มูลค่ากว่า 73,000 ล้านบาท ด้วยวิธีเสนอราคาจัดซื้อจัดจ้างทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิดดิ้ง) ร่วมกับบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในนามกิจการร่วมค้า CKST
สำหรับผลการเสนอราคา ปรากฎว่า กิจการร่วมค้า CKST เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในสัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ด้วยราคา 26,900 ล้านบาท และสัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ ด้วยราคา 19,390 ล้านบาท โดยขั้นตอนต่อไป รฟท. แจ้งว่าจะดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและเอกสารเทคนิค หลังจากนั้น รฟท.จะประกาศอย่างเป็นทางการว่าบริษัทใดเป็นผู้ได้รับงานสัญญาต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปลงนามในสัญญาได้ในเดือน กรกฎาคม 2564 ส่วนโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กิโลเมตร อีก 2 สัญญา มูลค่า 55,458 ล้านบาท ที่รฟท.จะเปิดประมูลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นี้ บริษัทก็จะเข้าร่วมประมูลด้วย
นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ภาพรวมของธุรกิจก่อสร้างถือว่าค่อนข้างนิ่ง เพราะโครงการประมูลขนาดใหญ่ของรัฐออกมาค่อนข้างช้า เป็นผลมาจากปัญหาด้านการเมืองและผลกระทบจากโรคระบาด Covid-19 แต่หลังจากนี้เชื่อมั่นว่ารัฐจะเร่งโครงการต่างๆ ออกมาจำนวนมาก เพราะจำเป็นต้องออกมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ งานก่อสร้างขนาดใหญ่สามารถสร้างเงินหมุนเวียนได้หลายรอบ มีผลต่อเนื่องไปที่ธุรกิจอื่นๆ เช่น วัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง ธนาคารการเงิน ประกันภัย และที่สำคัญคือทำให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งจะมีผลดีต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง
“ต้องถือว่าในวิกฤตก็มีโอกาส ตอนนี้รัฐบาลต้องใส่งบประมาณจำนวนมากเป็นล้านล้านบาทเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจ แต่ธุรกิจก่อสร้างมีงบประมาณที่รัฐบาลได้เตรียมไว้แล้วตั้งแต่ก่อนเกิด Covid-19 แต่ยังไม่ได้ใส่ลงมาในระบบจริงๆ ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว งานประมูลโครงการของรัฐขนาดใหญ่จึงเร่งออกมา เช่น โครงการรถไฟทางคู่ 1.2 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 9 หมื่นล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก 1.2 แสนล้านบาท ลำพัง 3 โครงการนี้ มูลค่ามากกว่า 3 แสนล้านบาทก็สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นล้านล้านบาทแล้ว แน่นอนธุรกิจก่อสร้างก็จะได้รับอานิสงค์โดยตรง” นายปลิว กล่าว
นายปลิว กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ ทั้งด้านบุคลากร แรงงาน เครื่องจักร และที่สำคัญคือประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในงานขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เทคนิคสูง เช่นงานขุดเจาะอุโมงค์ งานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน มั่นใจว่าเรามีโอกาสสูงที่จะชนะในการประมูลทั้ง 3 โครงการในสัดส่วนไม่น้อย โดยโครงการรถไฟทางคู่ และรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเป็นงานที่บริษัทเข้าประมูลโดยตรง ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม บริษัทจะสนับสนุน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เข้าร่วมประมูล
ในส่วนของภาพรวมบริษัท ในปี 2564 จะดีกว่าปี 2563 แน่นอน ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2563 จนถึงปี 2564 บริษัทมั่นใจว่าจะได้รับงานก่อสร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ Backlog กลับไปที่มากกว่า 1 แสนล้าน โดยมีโครงการสำคัญ คือ รถไฟทางคู่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง รถไฟฟ้าสายสีส้ม และที่สำคัญคือ โครงการเขื่อนหลวงพระบาง มูลค่างานก่อสร้างกว่า 9 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP กำลังเร่งรัดสรุปอยู่ คาดว่าจะจบภายในปี 2564 นี้ และจะว่าจ้างบริษัทให้เริ่มก่อสร้างทันที ส่วนบริษัทในกลุ่ม BEM ปริมาณผู้ใช้รถไฟฟ้าและทางด่วนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงไตรมาสที่ 3-4 ซึ่งการระบาดของ Covid-19 น่าจะควบคุมได้ดีขึ้น ทำให้กำไรกลับสู่สภาวะปกติ CKP ในปีนี้โรงไฟฟ้าไชยะบุรีจะผลิตไฟฟ้าได้เต็มที่และไม่มีผลกระทบด้านภัยแล้งเหมือนปีที่ผ่านมา ทำให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นอย่างมาก ทำให้ ช. การช่างได้รับส่วนแบ่งกำไรจากทั้ง 2 บริษัทมากขึ้นกว่าปี 2563 อย่างแน่นอน ส่วน TTW เป็นบริษัทที่ดีอยู่แล้วไม่มีผลกระทบอะไรจาก Covid-19 เลย
ประธานกรรมการบริหาร ระบุว่า ขณะนี้เหมือนว่า S-Curve เดิมของบริษัทฯ เรากำลังจบรอบ พอดีไปเจอ Covid-19 ทุกอย่างเลยชะงักไปสักพัก แต่ปัจจุบัน New S-Curve ของเรามาแล้ว เริ่มตั้งแต่รถไฟทางคู่ครั้งนี้ ทุกอย่างก็จะมาตามแผน ส่วนในด้านการบริหารงาน เรายึดหลักงานที่ทำต้องคุณภาพดี ต้องควบคุมต้นทุนได้ดี ต้องทันเวลา และได้กำไรพอเหมาะพอสม ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทมาโดยตลอด