CK ตั้งเป้าปี 68 รายได้ 4 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 6% โบรกแนะนำ “ซื้อ” ลดเป้าราคา

#CK #ทันหุ้น - การซื้อขายหุ้นบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK วันที่ 7 มี.ค.ครึ่งวันเช้า ราคาเคลื่อนไหวในช่วง 14.90-15.40 บาท ก่อนปิดครึ่งวันที่ 15.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท (+1.32%) มูลค่าการซื้อขาย 23.87 ล้านบาท
CK จัดประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 6 มี.ค. ให้แนวทางการเติบโตในปี 2568 บริษัทตั้งเป้า 1) รายได้ที่ 4 หมื่นลบ. (+6% YoY) เทียบกับการเติบโตของรายได้ในปี 2567 ที่ 2.7% YoY 2) GPM งานก่อสร้างที่ 7-8% (เทียบกับที่ 7% ในปี 2567) และ 3) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ 2 พันลบ. โบรกเกอร์มีมุมมองเป็นกลางถึงมุมมองลบเล็กน้อย โบรกเกอร์ให้คำแนะนำ ”ซื้อ” โดยปรับลดราคาเหมาะสมของหุ้นลง
.
บล.เคจีไอระบุว่า ผลขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/67 ของ CK ฉุดให้กำไรทั้งปี 2567 ลดลง 4% เหลือ 1.44 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี งานรับเหมา ฯ ในมือ (backlog) พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 2.10 แสนล้านบาท โดย CK อยู่ระหว่างรอการอนุมัติโครงการทางด่วนยกระดับ (double-deck) มูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทในครึ่งปีหลัง 2568 ขณะที่ เราปรับประมาณการกำไรปี 2568F ให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจที่ระมัดระวังขึ้นของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างการลงทุนในโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง เพื่อลดความผันผวนของส่วนแบ่งกำไร/ขาดทุนจากบริษัทร่วมนี้ หลังจากปรับประมาณการกำไรใหม่แล้ว ราคาเป้าหมายใหม่ของเราลดลงเหลือ 18.50 บาท จาก 23.00 บาท แม้จะใช้ discounted PE ปี2568F ของค่าเฉลี่ย-15.D.ที่ 19% และคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยราคาปิดล่าสุดมี upside จากราคาเป้าหมายใหม่เราอยู่ราว 22.5%
.
บล.ฟิลลิประบุว่า ปี 67 มีกำไรอ่อนตัว y-y จากการเร่งงานทำให้มี SG&A และต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น ส่วนในปี 68 งานหลวงพระบางและงานขุดเจาะรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเร่งตัวดีขึ้น รวมถึงมีงานจัดหาขบวนรถเพิ่มเข้ามา และการที่ CK ขายหุ้นหลวงพระบางให้ TTW จะช่วยลดความผันผวนกำไรขาดทุนค่าเงินและต้นทุนทางการเงินลดลง คาดกำไร 1,579 au. +9.2%y-y อาจมี down side จาก GMT ยังมีมุมมองเป็นกลาง ยังสามารถเก็งกำไรได้ในช่วง high season
.
บล.กสิกรไทยระบุว่ามูลค่าหุ้นน่าสนใจแม่ในกรณีเติบโตน้อย
CK จัดการประชุมนักวิเคราะห์ด้วยโทนเชิงลบเล็กน้อยจากแนวโน้มค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและการเลื่อนโครงการทางด่วน 2 ชั้นออกไป
เราลดประมาณการกำไรปกติปี 68/69/70 ลง 42%/34%/20% เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่สูงขึ้นซึ่งชดเชยด้วยการเพิ่มประมาณการการเติบโตของรายได้ขึ้นเป็น 7%/8%/6%
บล.กสิกรไทยแนะนำ "ซื้อ" CK แต่ลดราคาเป้าหมายลง 25% เป็น 20.60 บาทแม้ใช้สมมติฐานเชิงอนุรักษ์นิยมก็ยังมีช่องว่างมูลค่าหุ้นและส่วนลดการถือครองที่ 48%
.
บล.พายระบุว่า ปี 2568 รายได้โตโดยไม่ง้องานใหม่
บล.พายยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" และเลือกเป็น Top Picks ของกลุ่มก่อสร้าง เนื่องจากฐาน Backlog ที่มีกว่า 200,000 ล้านบาท จะหนุนให้รายได้ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นไปได้อีก 2-3 ปี แม้ไม่มีงานใหม่เข้ามาเพิ่ม ซึ่งจะเริ่มเห็นตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไปที่คาดว่าจะมีรายได้เฉียดระดับ 40,000 ล้านบาท หลังจากงานหลักอย่างสายสีม่วงใต้ รถไฟทางคู่ และหลวงพระบางอยู่ในช่วงกลางของการก่อสร้างแล้ว โดยเราประเมินกำไรสุทธิที่ 1,617 ล้านบาท (+12%YoY) สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 4/67 พลิกมาขาดทุน 171 ล้านบาท แต่ในแง่รายได้ยังเติบโตได้อยู่ ทั้งนี้ CK จ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 2567 ที่ 0.15 บาท/หุ้น XD 12 มี.ค. จ่าย 28 เม.ย.
.
บล.บัวหลวงระบุว่า ความสนใจ รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 2 มูลค่า 2.35 แสนลบ. เป็นประเด็นใหม่ที่ CK ไม่ค่อยพูดถึงก่อนหน้า และดูเหมือนภาครัฐจะผลักดันกว่างานรางอื่นๆ
การลดสัดส่วนหลวงพระบาง (LPCL) ให้ TTW ครึ่งหนึ่ง จะนำเงินไปลดหนี้และหมุนเวียน เบื้องต้นคาดว่าอาจเกิดช่วงไตรมาส 3/68
การ Sub งานสีส้มให้ ITD ด้วย เพราะมองงานอุโมงค์บางส่วนจะ Overlap กับโครงการอื่นที่บ. ทำอยู่ และ ITD ทำงานนี้แทนได้
ดอกเบี้ยจ่ายจะทรงตัวจากปีที่แล้ว นั่นหมายถึงน่าจะ Peak ไปในช่วงไตรมาส 4/67 ที่มีใช้ Bridging finance
ราคาหุ้นน่าจะขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป จนถึงช่วงใกล้ประมูลความเร็วสูง (ลุ้นกลางปี) ค่อยหวือหวา และ Downside ขาลงน้อย เพราะมีซื้อหุ้นคืนรองรับ จึงเหมาะกับการทยอยซื้อสะสม
.
บล.ดาโอแนะนำ CK (ซื้อ/ปรับเป้าลงเป็น 22.00 บาท) รายได้ก่อสร้างปี 2568 เร่งตัวขึ้นตามคาด, เริ่มเห็นผลกระทบ GMT ปีนี้
บล.ดาโอคงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 22.00 บาท (เดิม 23.00 บาท) อิง SOTP ตามการปรับประมาณการลง เรามีมุมมองเป็นลบเล็กน้อยจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) หลังบริษัทเข้าข่ายได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ Global minimum tax (GMT)
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจก่อสร้าง ทั้งรายได้และ backlog ยังแข็งแกร่งตามคาด โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้ 1) ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 4 หมื่นล้านบาท (+7% YoY) สูงในรอบ 9 ปีและใกล้เคียงเราคาด ตามการรับรู้ backlog ซึ่งปี 2567 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 2.1 แสนล้านบาท ขณะที่ยังมี capacity ในการรับงานเพิ่ม,
2) บริษัทเข้าข่ายเกณฑ์ GMT โดยจะเริ่มรับรู้ค่าใช้จ่ายภาษีสูงขึ้นตั้งแต่ปีนี้ อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบ, และ
3) สำหรับการขายหุ้นหลวงพระบาง พาวเวอร์ 10% มูลค่า 2.8 พันล้านบาทให้ TTW บริษัทมีแผนนำเงินไปชำระคืนหนี้และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ขณะที่กำไรหรือขาดทุนพิเศษจากการขายหุ้นและการเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนจะถูกคำนวณวันที่ทำธุรกรรม
เราปรับกำไรปกติปี 2568 ลง -8% เป็น 1.6 พันล้านบาท (+12% YoY) โดยหลักเพื่อสะท้อนผลกระทบจากเกณฑ์ GMT สำหรับไตรมาส 1/68 เบื้องต้นประเมินผลการดำเนินงานปกติมีโอกาสดีขึ้น QoQ หนุนโดยงานใหญ่สายสีส้ม progress มากขึ้น และ SG&A ชะลอตามฤดูกาล
ราคาหุ้น underperform SET -8% ใน 6 เดือน แต่กลับมา outperform SET +6% ใน 1 เดือน แม้จะมีประเด็นผลกระทบ GMT ที่ยังต้องติดตามต่อ แต่เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมามากค่อนข้างสะท้อนปัจจัยลบแล้ว โดยปัจจุบันเทรดที่ PER 16x (-1.5SD below 5-yr average PER) นอกจากนี้ backlog ปัจจุบันทรงตัวสูง 2.1 แสนล้านบาท และยังมีโอกาสเติมงานใหม่จากโครงการ Double Deck ของ BEM และการเปิดประมูลโครงการใหม่ของรัฐ