OSP +2.55% แนวโน้มแข็งแกร่ง บล.กสิกรฯปรับเพิ่มเป้าราคา

#OSP #ทันหุ้น - การซื้อขายหุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP วันที่ 7 มี.ค.เมื่อเวลา 11.22 น. ราคาเพิ่มขึ้น 2.55% มาอยูที่ 16.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท (+2.55%) มูลค่าการซื้อขาย 111 ล้านบาท
บล.กสิกรไทยมีมุมมองเชิงบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศผลประกอบการของ OSP เมื่อวันที่ 6 มี.ค.
บล.กสิกรไทยระบุว่า OSP แนวโน้มปี 2568 ยังคงแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล การเปิดตัวผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมใหม่ การขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขึ้น และการเติบโตของยอดขายผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลในต่างประเทศ โดยมีโอกาสขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
บล.กสิกรไทยปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" พร้อมปรับราคาเหมาะสมเป็น 20.60 บาท จาก 19.80 บาท สะท้อนถึงความเสี่ยงขาลงที่จำกัดต่อการแข่งขันในตลาดเครื่องดื่มชูกำลัง และยอดขายในต่างประเทศที่ขยายด้ว
Investment Highlights
ประเด็นสำคัญ บล.กสิกรไทยเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์หลังประกาศผลประกอบการของ OSP เมื่อวันที่ 6 มี.ค. และมีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทฯ ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในระดับเลขหลักเดียวระดับกลาง ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สำหรับกลุ่มเครื่องดื่ม เราคาดว่าจะเติบโตในระดับเลขหลักเดียวระดับกลางจากการขยายยอดขายเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมใหม่และการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขึ้น ในตลาดในประเทศ ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตระดับเลขหลักเดียวระดับกลาง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการเปิดตัว M-150 ฝาสีเหลืองในราคา 10 บาทเพื่อแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดคืนมา บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การกำหนดราคาที่สมดุลระหว่างผลิตภัณฑ์ราคา 12 บาท และ 10 บาท เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละภูมิภาค ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลคาดว่าจะเติบโตในระดับเลขสองหลักจากการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
นอกจากนี้ ผู้บริหารยังมุ่งขยายยอดขายผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งมีอัตราการเกิดสูง และอินโดนีเซีย ซึ่งมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ ในด้านโครงสร้างต้นทุน ผู้บริหารคาดว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ให้อยู่ในระดับเดียวกับปีก่อน และปรับปรุงอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้ให้ดีขึ้นเล็กน้อยผ่านการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในแคมเปญการตลาด
แนวโน้มไตรมาส 1/2568 เราคาดว่ากำไรจะเติบโตในระดับปานกลาง แม้ว่าอุปสงค์เครื่องดื่มในประเทศจะชะลอตัวจากการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ M-150 จากราคา 12 บาท เป็น 10 บาท อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของ OSP ในเดือนม.ค. 2568 ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 44.7% (+0.2 ppts MoM) นอกจากนี้ การเติบโตอย่างต่อเนื่องของยอดขายด่างประเทศที่ได้รับแรงหนุนจากการขยายช่องทางจัดจำหน่ายคาดว่าจะช่วยชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้
มุมมองของเราแม้ว่ายอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศในช่องทางจำหน่ายแบบดั้งเดิมจะยังคงมีความกังวลจากการกลับมาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ราคา 10 บาท ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายและความสามารถในการทำกำไร แต่ยอดขาย M-150 ในช่องทางดังกล่าวคิดเป็นเพียง 10% ของยอดขายรวมเท่านั้น นอกจากนี้ เราเชื่อว่าการขยายผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้นจะสามารถชดเชยผลกระทบต่ออัตรากำไรได้
ปรับปรุงประมาณการกำไร เราได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568/69 ขึ้น 4.4%/5.1% โดยปรับเพิ่มคาดการณ์ยอดขายเครื่องดื่มในปี 2568/69 ขึ้น 6.1% และยอดขายผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลขึ้น 16.9%/21.1% สะท้อนถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ขณะเดียวกัน เราได้ปรับประมาณการ GPM และสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้ในปี 2568/69 เป็น 36% และ 25% ตามามลำดับ
Valuation and Recommendation
แนะนำ "ซื้อ" เราได้ปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ OSP จาก "ถือ" เป็น "ซื้อ" และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 20.60 บาท จากเดิม 19.80 บาท เพื่อสะท้อนถึง downside ต่อการแข่งขันของเครื่องดื่มชูกำลังที่มีจำกัด เราเชื่อว่าการแข่งขันด้านราคาจะไม่รุนแรงไปกว่านี้ นอกจากนี้ การประเมินมูลค่าของ OSP ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูง โดยซื้อขายด้วย PER ทวีคูณปี 2568/69 ที่ 15.4 เท่า/14 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของ CBG ที่ 19.6 เท่า/17.8 เท่า ขณะที่ OSP มีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ด้วยระดับอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ในช่วง 3 ปีที่ 10.7% (2567-69)