SCGD รุกกลุ่มมาร์จิ้นสูง มุ่งขยายฐานเวียดนาม

#SCGD #ทันหุ้น - SCGD ทิศทางผลงานไตรมาส 4/2568 โตใกล้เคียง Q3/2568 หนุนทั้งปีนี้รายได้ต่ำกว่าปีก่อน แต่มีกำไรโต เหตุเร่งขายสินค้ามาร์จิ้นสูง หวังในอนาคตเพิ่มแตะ 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 17% แถมเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน กต้นทุนลง เล็งขยายธุรกิจในเวียดนามดันเป็นฐานส่งออกไปทั่วโลก “สุขภัณฑ์- ลงทุนโรงงาน”
นายนำพล มลิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2568 ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2568 เนื่องจากเป็นช่วงปีใหม่ ของไทย ขณะที่เวียดนามยังเป็นช่วงฤดูการขาย โดยประเมินภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2568 คาดยอดขายรวม ของบริษัทอาจจะชะลอลงกว่าปีที่แล้ว แต่ในด้านของกำไรจะเติบโตขึ้น
@กำไรโต
ทั้งนี้การเติบโตของกำไรมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ การเร่งขายสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA มากขึ้น ซึ่งมีมาร์จิ้นมากกว่ากระเบื้องเกรซ พอร์ซเลน และปัจจุบันยังมีการเติบโตถึง 17% แม้ว่าภาพรวมตลาดจะลดลง โดยตั้งเป้าหมายไว้อยากให้เติบโตถึง 30% ในอนาคต
รวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างต้นทุนให้ดีขึ้น โดยมีการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโรงงานเป็นจำนวนมาก ส่งผล ให้ถึงแม้ยอดขายจะลดลงในระดับหนึ่ง แต่ความสามารถในการทำกำไรกลับเพิ่มขึ้น ดังนั้นถ้าหากปริมาณการขาย เริ่มกลับมาจะทำให้ผลประกอบการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
@ผู้นำตลาดในเวียดนาม
อีกทั้งบริษัทมองว่าเวียดนามจะเป็นตัวเร่งการเติบโต และเป็นเสาหลักตัวที่ 2 ของกลุ่ม SCGD รองจากไทย โดยสัดส่วนรายได้ปัจจุบันของกลุ่มอยู่ที่ไทย 65% และเวียดนาม ประมาณ 20-21% อีกทั้งยังเป็นผู้นำตลาด ด้านพื้นผิวตกแต่งในเวียดนาม ผ่านแบรนด์ PRIME โดยมีบริษัทย่อย 14 แห่ง และมีกำลังการผลิต 80 ล้านตารางเมตรต่อปี ใกล้เคียงประเทศไทย แต่ผลิตภัณฑ์หลักของ PRIME คือ กระเบื้อง คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 90% ของรายได้รวม ขณะที่ไทยมีสุขภัณฑ์จึงทำให้มีสัดรายได้มากกว่าเวียดนาม
@เดินหน้า M&A
ดังนั้นกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจสุขภัณฑ์ในเวียดนาม รวมถึงโดยเน้นการลงทุน ในโรงงานผลิตใหม่จากการควบรวมกิจการ (M&A) ในเวียดนาม โดยเฉพาะเวียดนามใต้ เพื่อให้เป็นศูนย์กลาง การผลิตและการส่งออก ซึ่งโรงงานของ PRIME ตั้งอยู่ในทำเลที่ได้เปรียบใกล้ท่าเรือสำคัญ เป็นตำแหน่งที่เหมาะสม สำหรับการค้ากับจีน สหรัฐฯ และยุโรป โดยคาดว่าปีนี้รายได้การส่งจากเวียดนามจะเติบโต 20% เพิ่มขึ้นจาก ที่ก่อนที่เติบโต 15% ซึ่งการส่งออกของเวียดนามมีส่วนช่วยประมาณ 5% ของรายได้รวมกลุ่ม
อย่างไรก็ดีเวียดนามกำลังเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประชากรกว่า 106 ล้านคน และมีแรงงานวัยทำงานคิดเป็น 60-70% ของประชากร ทำให้เวียดนาม มีฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ ที่พร้อมผลักดัน การเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้านเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตสูง โดย GDP ในไตรมาสที่ 3/2568 มีมูลค่ากว่า 3.27 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และขยายตัวถึง 8% โดยตั้งเป้าเติบโต GDP กว่า 10% ภายในปี 2573 อีกทั้งเวียดนามยังเป็นประตูสูตลาดโลก ผ่าน ข้อตกลงการค้าเสร็กว่า 60 ฉบับ ทำให้การส่งออกคิดเป็น 85% ของ GDP ในปี 2567 และด้วยการลงทุน จากต่างประเทศ (FDI) ที่ทำสถิติสูงถึง 38.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ประเทศนี้จึงกลายเป็นจุดหมายที่นักลงทุน ทั่วโลกจับตามอง
นอกจากนี้รัฐบาลเวียดนามยังผลักดันการปฏิรูปอุตสาหกรรม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการเปลี่ยน ผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ผ่านพลังงานหมุนเวียนและเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อการเติบโต อย่างยั่งยืน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
