เปรียบเทียบประกันรถ : 5 สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนทำกรมธรรม์
สำรวจข้อควรพิจารณาในการเปรียบเทียบเงื่อนไขประกันรถยนต์ก่อนตัดสินใจทำกรมธรรม์
การเปรียบเทียบเงื่อนไขของประรถยนต์แต่ละประเภทจะช่วยให้คุณเลือกประกันที่เหมาะสมที่สุดตามความต้องการและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ สามารถช่วยเลือกประกันที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการและงบประมาณของคุณ เริ่มจากการเลือกความคุ้มครอง ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจจะประกอบไปด้วย ความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สาม (Third Party Liability) คุ้มครองค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่สาม เช่น ค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายต่อทรัพย์สิน และ ความคุ้มครองความเสียหายต่อตนเอง (Own Damage) ซึ่งมีอยู่ 3 ประเภท 1 คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุทุกกรณี รวมถึงการโจรกรรม ประเภท 2 คุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุที่เกิดจากความผิดของบุคคลที่สาม ประเภท 3 คุ้มครองเฉพาะความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สาม ไม่มีความคุ้มครองความเสียหายต่อตนเอง
นอกจากนั้นยังช่วยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล (Medical Expenses) ดูแลค่ารักษาสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ, คุ้มครองจากการโจรกรรม ในกรณีที่รถถูกขโมย, ช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Assistance) เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น รถเสีย หรืออุบัติเหตุ บางเงื่อนไขตามกรมธรรม์จะมีความคุ้มครองเพิ่มเติมพิเศษเสริม เช่น รถสำรองในกรณีซ่อม หรือค่าชดเชยในกรณีเกิดอุบัติเหตุการเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับความต้องการและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
การเปรียบเทียบเบี้ยประกันภัยรถยนต์อย่างละเอียดสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้
1.ระบุประเภทประกัน
ก่อนอื่นผู้ขับขี่ที่มีความประสงค์จะทำประกันภัยรถยนต์ควรกำหนดประเภทประกันที่ต้องการ เช่น ประกันภัยภาคบังคับ, ประกันภัยประเภท 1, 2, หรือ 3 เลือกประกันภัยที่เหมาะสมที่คุณกำลังมองหา หรือถ้าหากต้องการศึกษาเพิ่มเติม ควรปรึกษาบริษัทประกันภัยพร้อมบอกความต้องการที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด เพื่อที่บริษัทประกันจะได้ทำการประเมินประเภทของประกันที่มีความคุ้มค่าและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่
2.รวบรวมข้อมูลเบี้ยประกัน
เมื่อได้ประเภทของประกันในรูปแบบที่คุณต้องการแล้ว จากนั้นผู้ขับขี่ควรศึกษาเงื่อนไขของบริษัทประกันหลากหลายแห่ง เพื่อดูข้อเสนอราคาเบี้ยประกันพร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ โดยผู้ขับขี่จะต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ เช่น ยี่ห้อ รุ่น ปีผลิต และประวัติการขับขี่ เพื่อนำไปเลือกบริษัทประกันที่เหมาะสมกับการขับขี่ของคุณมากที่สุด หากตัดสินใจเองไม่ได้สามารถปรึกษาผู้ให้คำปรึกษาด้านประกันภัยรถยนต์ที่มีความเชี่ยวชาญได้ เพื่อไม่ให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด
3.เปรียบเทียบความคุ้มครอง
ตรวจสอบว่าความคุ้มครองที่ได้รับในแต่ละกรมธรรม์แตกต่างกันอย่างไร เช่น ความคุ้มครองต่อบุคคลที่สาม, ความเสียหายต่อตนเอง, การโจรกรรม เพราะการตัดสินใจนี้จะมีผลต่อทรัพย์สินของคุณในระยะยาว ดังนั้นการตัดสินใจที่ถูกต้องอย่างถี่ถ้วนจะช่วยให้เกิดความคุ้มค่า และไม่เป็นปัญหาสร้างภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่อาจตามมาได้ในภายหลัง
4.เงื่อนไขการเคลมและบริการเสริม
ควรตรวจสอบเงื่อนไขการเคลมของแต่ละบริษัท เช่น เอกสารที่ต้องใช้ ระยะเวลาในการดำเนินการ เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุม นอกจากนั้นควรเปรียบเทียบบริการเสริมที่แต่ละบริษัทนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็น บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือรถสำรองเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับรถยนต์ของคุณ
5.อ่านเงื่อนไขและข้อยกเว้น
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อยกเว้นที่อาจส่งผลต่อการเคลมได้ เช่น สถานการณ์ที่ไม่ครอบคลุม เพราะคุณอาจะต้องรับภาระความรับผิดชอบเองทั้งหมดในบางสถาการณ์แม้ว่าจะทำประกันภัยแล้วก็ตาม
รู้ใจ ประกันภัย รู้ใจกว่า ประหยัดกว่า เคลมประกันได้ง่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน
ประกันรถยนต์ส่วนมากในปัจจุบันจะให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคลและค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ในบางกรณีทุนประกันอาจไม่ครอบคลุมสำหรับผู้ขับขี้ที่เคลมบ่อย แต่ที่รู้ใจ ประกันภัย เคลมประกันได้ง่าย คุณสามารถปรับแต่งแบบแผนกรมธรรม์ได้เอง เพื่อเพิ่มวงเงินความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลหรือดูแลทรัพย์สินในส่วนอื่นๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ตรงไลฟ์สไตล์ของคุณ