รีเซต

‘สุพัฒนพงษ์’ ชี้ไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ชู 4 โอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจพลิกโฉมปี’65 จีดีพีโต 5-6%

‘สุพัฒนพงษ์’ ชี้ไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ชู 4 โอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจพลิกโฉมปี’65 จีดีพีโต 5-6%
ข่าวสด
3 พฤศจิกายน 2564 ( 16:00 )
70
‘สุพัฒนพงษ์’ ชี้ไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ชู 4 โอกาสกระตุ้นเศรษฐกิจพลิกโฉมปี’65 จีดีพีโต 5-6%

สุพัฒนพงษ์ชี้ไทยผ่านจุดต่ำสุด - นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวในโอกาสปาฐกถาพิเศษ Boost Up Thailand 2022 ทุบโจทย์ใหม่เศรษฐกิจไทย จัดโดยบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ว่า ขณะนี้ประเทศไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ด้วยการทำงานของทุกภาคส่วนที่ต้องแข่งกับเวลาในช่วงที่ยากลำบาก เพื่อสร้างความเชื่อมั่น โดยปี 2565 ประเมินเศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตได้ 5-6%

 

แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าจะกลับมาระบาดอีกหรือไม่เป็นปัจจัยเสี่ยง ที่สำคัญคือทุกคนทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชนต้องร่วมมือกันรักษาวินัยการควบคุมการแพร่ระบาด การเว้นระยะห่างทางสังคมตามแนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุข เพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจ

 

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

 

“แม้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้อาจไม่ได้โตถึง 4% ตามที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีเชื้อโควิด-19 ระบาดเกิดขึ้นอย่างรุนแรง วันนี้เราจะต้องเริ่มกันใหม่ โดยใช้บทเรียนที่ผ่านมาปรับการทำงานเชิงรุกต่อเนื่อง ทำให้มีการเปิด ภูเก็ต แซนด์บ็อก และนำมาสู่การเปิดประเทศในที่สุดเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นกันอีกครั้งบนความมั่นใจ แต่ทุกคนต้องเริ่มด้วยความเข้าใจว่าต้องรักษาวินัยการควบคุมการแพร่ระบาด เพราะการได้รับวัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังสามารถติดเชื้อได้ เพียงแต่อาการจะทุเลาหรือเบาบางลง”นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

 

โดยขณะนี้ประเทศไทยกำลังมุ่งสู่โมเดลเศรษฐกิจแบบ 4D เป็น 4 โอกาสที่จะนำพาเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง ประกอบด้วย 1. Digitalization การส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตอล การลดกฎระเบียบ การพัฒนาศูนย์กลางข้อมูล (Data center) ให้มีความพร้อมรองรับเศรษฐกิจดิจิตอลที่จะเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น

 

2. Decarbonization เป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศวันนี้ เป็นกติกาของสังคมโลก และประเทศตะวันตกที่กุมเศรษฐกิจใหญ่ของโลก ในการมุ่งสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และมลภาวะ เช่น นโยบายส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งล่าสุดไทยได้ประกาศแผนการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ 100% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของประเทศในปี 2578

 

ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุม COP26 และได้แสดงจุดยืนของประเทศไทย ที่ไทยจะก้าวไปสู่การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในปี 2608 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือถึงมาตรการส่งเสริม คาดว่าภายในเดือนธ.ค.นี้ จะมีข้อสรุปที่ชัดเจนและนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

 

3. Decentralization เป็นโอกาสของประเทศไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นโมเดลเศรษฐกิจที่ใช้ประโยชน์จากการกระจายฐานการผลิตของบริษัท และอุตสาหกรรมชั้นนำที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นของการย้ายฐานการผลิต หรือกระจายฐานการลงทุนเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นการกระจายฐานการผลิตเป็นสิ่งจำเป็น

 

4. D-risk ไทยต้องปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิตอลมากขึ้น รองรับคนที่แสวงหาที่พำนักและอยู่อาศัย หรือ ประกอบกิจการเป็นแห่งที่ 2 ของกิจการหลัก ในประเทศที่มีความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข และประเทศที่มีศักยภาพ สร้างความมั่นใจด้านความมั่นคงทางอาหารสูง เห็นได้จากที่ผ่านมาไทยพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน/ปี สร้างรายได้ 2 ล้านล้านบาท แต่การท่องเที่ยวลักษณะนี้มีต้นทุนแฝงเรื่องปัญหาทางสังคม ปัญหาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นภาครัฐจึงต้องการนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ยกระดับการท่องเที่ยวที่มีจำนวนน้อย แต่สร้างรายได้และมูลค่าให้กับประเทศในระดับสูง

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มให้ได้ 70% ของประชากร หรือประมาณ 50 ล้านคน ภายในสิ้นปี 2564 ดังนั้นขอให้ทุกคนมั่นใจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการไทยที่ต้องมีความเชื่อมั่นและลงทุนต่อยอดในไทย ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไปด้วยกัน

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แลกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “พลิกธุรกิจ สู้เศรษฐกิจหลังโควิด” ว่า หลายสำนักคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้จะกลับมาเติบโตที่ 5.9% ปี 2565 คาดเติบโตที่ 5% ขณะที่เศรษฐกิจไทยปีนี้คาดโต 0.7-1% จากปี 2563 ติดลบ 6% ซึ่งหวังว่าปีหน้า เศรษฐกิจไทยจะโตมากกว่าปีนี้

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์

ทั้งนี้ เห็นได้จากทิศทางราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ยอมรับว่ายังคงผันผวนอยู่ในระดับสูงตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจทั่วโลก หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ซึ่งต้องติดตามท่าทีและผลการประชุมของผู้ส่งออกน้ำมันของโลกและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) อย่างใกล้ชิด หากมีการตกลงกันเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันมากกว่าแผนเดิมก็หวังว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกจะผ่อนคลายลงบ้าง

ขณะที่ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยมุ่งเดินหน้าสู่พลังงานสะอาด เห็นได้จากนักวิเคราะห์โลกประเมินทิศทางความต้องการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลสูงสุดในปี 2568 เร็วขึ้นกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ในปี 2573 ก่อนที่จะเข้าสู่โลกแห่งพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการดำเนินธุรกิจของปตท. ในการตั้งเป้าหมายผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 12,000 เมกะวัตต์ในปี 2573 หรือภายใน 10 ปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 เมกะวัตต์

ด้านนายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวในโอกาสร่วมสัมมนา “Boost Up Thailand 2022 เดินหน้าทะลุโจทย์ประเทศไทย” ซึ่งจัดโดยบริษัท มติชน จำกัด(มหาชน) ว่าการที่รัฐบาลเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ในแง่ของ ททท. เรียกว่าเป็นการออกอาวุธมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมมาก เป็นการเลือกทางที่จะใช้ชีวิตอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ เพราะการท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการรายได้ให้กับประเทศถึง 15-20% ของจีดีพี

“หลังจากนี้ไปจะเริ่มเห็นการรีซูมกลับมาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาจจะไม่เห็นในไตรมาส 1-2 ของปี 2565 ในทันที แต่จะค่อยๆ ขยับขึ้นไป เนื่องจากยังมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องแก้กันต่อไป ซึ่งการเปิดประเทศในลักษณะนี้ เป็นสเต็ปของเข้าสู่โหมดให้การท่องเที่ยวของไทยกลับมา ซึ่งมั่นใจว่าปี 2565 การท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาแน่นอน แต่จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป​ โดยการถอดบทเรียนว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาอย่างยั่งยืน ต้องเน้นคนที่มีคุณภาพ ให้ท้องถิ่นได้เรียนรู้ถึงการทำงานอย่างบูรณาการมากขึ้น เป็นเครื่องมือที่แท้จริงในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย”นายธเนศวร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้อมยอมรับว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสัดส่วนรายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจากคนไทยอยู่ที่ 30% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่ง ททท.จะพยายามกระตุ้นรายได้การท่องเที่ยวจากคนไทยเข้ามาทดแทน อาจไม่เท่ากับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่สามารถขยับขึ้นมาอยู่ที่ 40-60% หรือ 50-55% เป็นรายได้จากคนไทยที่หล่อเลี้ยงการท่องเที่ยวอยู่ได้ในช่วงที่มีการปิดประเทศไทย เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง