อวสาน “กัญชาเสรี” นโยบายขายฝัน คิดไม่รอบคอบ ใครต้องรับผิด ?

24 มิถุนายน 2568 ( 19:37 )
17
ปลดล็อคกัญชา จากยาเสพติด สู่ พืชเศรษฐกิจ พลิกชีวิตคนไทย
กัญชา เคยถูกจัดเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด ปี 2522 ก่อนที่ พรรคภูมิใจไทย นำมาเป็นนโยบายเรือธงใช้หาเสียง โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ขึ้นปราศัยใหญ่ที่บุรีรัมย์ 17 ม.ค. 2562 ว่า
“ จะปลดล็อคให้กัญชาเสรี นี่คือ "พืชแก้จน พืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ " ที่จะนำไปสร้างมูลค่าจนสามารถ
พลิกชีวิตคนไทยได้ เริ่มจากให้ปลูกกัญชาในครัวเรือน บ้านละ 6 ต้น หากเหลือจึงขาย โดยรัฐจะเป็นคนรับซื้อ และดูแลพื้นที่การปลูก การซื้อขายต้องผ่านรัฐ คาดสร้างรายได้แก่ครัวเรือนปีละกว่า 400,000 แสนบาท “
นี่คือที่มาของนโยบายขายฝัน อันสวยหรู ว่ารัฐบาลจะสามารถแก้จน พลิกชีวิตคนไทย ด้วยพืชเศรษฐกิจกัญชาได้ โอ๋ยังเชื่อว่าเจตนารมย์ของพรรคภูมิใจไทย ต้องการให้เป็นแบบนั้นจริงๆ การขับเคลื่อนเริ่มจริงจังขึ้น ภายหลังการเลือกตั้ง ปี 2562 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย โดยมี “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าขับเคลื่อน กัญชาเสรี เต็มกำลัง
จนสุดท้าย 9 มิ.ย. 2565 รัฐบาลได้ประกาศปลดล็อคให้กัญชาเป็นพืชเสรี
ถูกนำออกจากบัญชียาเสพติดประเภท 5 โดย ‘ทุกส่วนของพืชกัญชา’ ไม่ถือเป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC หรือ CBD เกิน 0.2% ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม นอกนั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ทั้ง ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย และเชิงพาณิชย์ และยังอนุญาตให้แต่ละครัวเรือนปลูกกัญชาหลังบ้านได้ไม่เกิน 6 ต้นอีกด้วย
คล้ายกับรูปแบบที่ประสบความสำเร็จในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่สามารถใช้กัญชา สำหรับสันทนาการได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย เช่น กำหนดอายุผู้ใช้ ปริมาณ และพื้นที่อนุญาตให้ใช้ แค่จุดนี้ก็เห็นแล้วว่าของไทย มีสิ่งที่แตกต่า งอย่างสิ้นเชิง คือ กฎหมายในการควบคุมการใช้กัญชาตามวัตถุประสงค์ คือ เพื่อเป็นพืชเศรษฐกิจ ปลูกเพื่อสร้างรายได้ และ ใช้ทางการแพทย์
กัญชา : อันตรายอย่างไร?
กัญชา มีสารสำคัญ 2 ชนิดที่เป็นทั้งประโยชน์และโทษได้ หากใช้เกินขนาด ตัวแรกคือ CBD สารผ่อนคลาย มักถูกใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อระงับปวด ผ่อนคลาย นอนง่าย ไม่มีผลต่อจิตประสาท และไม่ทำให้เสพติด แต่ตัวที่มีปัญหาคือ สาร THC หรือ “สารมึนเมา” เพราะเป็นสารที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท หากร่างกายได้รับสาร THC มากเกินไป อาจทำให้ ใจสั่น สติแปรปรวน เกิดภาพหลอน หูแว่ว มีผลอย่างมากต่อระบบสมอง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก อายุต่ำกว่า 25 ปี ทั้งด้านความจำ และปริมาณเนื้อสมอง ที่จะลดลงถึง 10% เพิ่มความเสี่ยงเกิดอาการประสาทหลอนถาวร สูงถึง 20%
ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคจิตเวช หรือมีประวัติครอบครัวเป็น และส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของสมองของทารกในครรภ์ หรือ แม่ผู้ให้นมบุตรผ่านน้ำนมได้
ไทยเกิดภาวะสุญญากาศกัญชา
ผลจากการปลดล็อค โดยไม่หารือเรื่องของกฎหมายตั้งแต่แรกเริ่ม หากนับตั้งแต่ปี 2564 สภามีความพยายามหลายครั้งในการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ. กัญชา หรือ กฎกระทรวง หวังใช้ควบคุมกัญชาทางการแพทย์ แต่มักสะดุดลงเสมอ ทำให้ตั้งแต่ ปี 2565 - 2568 หลังปลดล็อคไทยเกิด “ภาวะสุญญากาศกัญชา” เกิดการเพาะปลูกกัญชากว่าล้านราย และ เกิดร้านค้า คาเฟ่ อาหาร เครื่องดื่ม ขนมกัญชา มากมาย แต่กลับไร้การควบคุม ตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย เพราะการจะจับกุม ต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบใน LAB กลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่ทำให้ กัญชา ถูกนำไปใช้อย่างมักง่าย เข้าถึงง่าย และ ผิดเจตนารมย์
จนเกิดผลกระทบจาก กัญชาเสรี
รายงานฉบับล่าสุดของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ปี 2024 มีคนไทยที่ติดกัญชามากเป็นอันดับ 2 อยู่ที่กว่า 1.5 ล้านคน ที่น่าห่วงที่สุดคือส่งผลกระทบต่อเยาวชน เพราะการเข้าถึงง่าย แต่การใช้กัญชามากไป อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองและสติปัญญา หลังสถิติของศูนย์ศึกษาปัญหายาเสพติด คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุงานวิจัยพบ เยาวชนสูบกัญชาเพิ่ม 10 เท่า หลังปลดล็อกกัญชา
และยังมีข้อมูลจากโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีผู้ป่วยเข้ามารักษาอาการ พิษจากกัญชา เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 6-7 เท่า หลังปลดกัญชาเสรี เช่น ผู้ป่วยนอก รักษาด้วยอาการเป็นพิษจากกัญชา (cannabis poison) จาก 52 ราย/เดือน พ.ค. 2565 เพิ่มเป็น 342 ราย/เดือน ในเดือน ก.พ. 2566 เพิ่มขึ้น 6.6 เท่าหลังปลดกัญชาเสรี หรือ ผู้ป่วยนอกที่รักษาโรคจิตจากการใช้กัญชา เพิ่มขึ้นจาก 6,585 ในปี 2562 เป็น 20,502 รายในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 3 เท่า)
….อวสาน กัญชาเสรี
แม้ผลกระทบของกัญชาเสรี เราก็ไม่อาจละเลยได้ เห็นสมควรว่า จำเป็นที่รัฐบาลควรต้องออกกฎหมายควบคุมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสังคมและเยาวชนไทยในระยะยาว แต่อีกส่วนที่น่าห่วงเพราะยังไม่รู้จะได้รับ การเยียวยา หรือ ได้ไปต่อหรือไม่ คือ เหล่าผู้ประกอบการที่ลงทุนไปแล้วในอุตสาหกรรมกัญชา ที่ทั้งเจ็บและเจ๊งกันไประนาว ทั้งคนขาย คนปลูก คนเปิดคาเฟ่ ต่างๆพวกเขาจะทำยังไงกับเงินทุนที่สูญเสียไป เพราะความไม่แน่นอนของนโยบายนี้
นี่จึงเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้คนไทยส่วนหนึ่งมองเห็นตรงกันว่า ….การดำเนินนโยบายประชานิยม โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบรอบด้านมากเพียงพอ แม้แนวคิดจะดี แต่อาจส่งผลเสียให้กับประเทศ.. มากกว่าผลดี ที่ประชาชนจะได้รับ
หากทำได้ ก็อยากขอฝากให้จากนี้ก่อนรัฐบาลออกนโยบายใหม่ๆ ไม่ว่ายุคใคร สมัยใคร ก็อยากให้ช่วยฟังเสียงประชาสังคม และ ช่วยคิดคำนึงอย่างรอบคอบ ถึงผลเสียร้ายแรงที่สุด โดยยึดเอาผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง..เพื่อหวังอย่าให้เกิดเหตุซ้ำรอยแบบ นโยบายกัญชาเสรี อีกเลย…
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
