เกาหลีใต้ร้องยูเอ็น ร่วมรับมือค้ามนุษย์ จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา

รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ออกมาเรียกร้องให้เกิดการตอบสนองร่วมกันในระดับนานาชาติ ภายใต้กรอบของสหประชาชาติ เพื่อรับมือกับปัญหาการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางจำนวนผู้เสียหายชาวเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกลวง บังคับใช้แรงงาน และถูกบังคับให้ทำกิจกรรมทางอาชญากรรมในเครือข่ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
คิม ซัง-จิน รองเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำสหประชาชาติ กล่าวถึงปัญหาดังกล่าวระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการที่ 3 ของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ โดยระบุว่า สถานการณ์นี้กำลังสร้างความกังวลในสังคมเกาหลีใต้ หลังเกิดอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การกักขัง และการทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นฝีมือของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ที่มุ่งเป้าไปยังชาวเกาหลีใต้
เหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจอย่างมากคือ การพบศพนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม บนภูเขาโบกอร์ จังหวัดกัมปอต ประเทศกัมพูชา
คิม ซัง-จิน ยังเสริมว่า อาชญากรรมรูปแบบนี้มีความเชื่อมโยงมากขึ้นกับอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบใหม่ เช่น การหลอกลวงบนโลกออนไลน์ ซึ่งได้เห็นจากกรณีที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีพลเมืองของสาธารณรัฐเกาหลีและประเทศอื่น ๆ ตกเป็นเหยื่อ นี่จึงตอกย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
คิมกล่าวต่อในที่ประชุมว่า การเพิกเฉยต่อปัญหานี้ถือเป็นการละทิ้งความรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งนำไปสู่ความเสียหายที่ฝังรากลึก การหายตัวไป และแม้กระทั่งการเสียชีวิตของเหยื่อจำนวนมาก
รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี อี แจ-มยอง เพิ่มความเข้มงวดในการรับมือกับการหลอกลวงผ่านประกาศรับสมัครงานปลอม ที่ล่อลวงชาวเกาหลีใต้ให้เดินทางไปกัมพูชา ก่อนจะถูกกักขังและบังคับให้ทำงานในเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์
ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า จำนวนคดีที่รายงานว่าชาวเกาหลีใต้ขาดการติดต่อหรือถูกกักขังในกัมพูชาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2021 มีเพียง 2 คดี, ปี 2022 เพิ่มเป็น 11 คดี, ปี 2023 มี 21 คดี, ปี 2024 พุ่งสูงถึง 221 คดี และในปี 2025 จนถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีแล้วกว่า 330 คดี
ในจำนวนนี้ มีราว 260 คดีในปีนี้ และ 210 คดีในปีที่แล้ว ที่ได้รับการยืนยันว่าเหยื่อปลอดภัยหรือทราบที่อยู่แล้ว ขณะที่ยังมีประมาณ 80 คดี ที่ยังไม่ทราบชะตากรรมจนถึงปัจจุบัน แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เตือนว่าตัวเลขที่แท้จริงของผู้เสียหายอาจสูงกว่านี้มาก
สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติของเกาหลีใต้ (NIS) ประเมินว่า อาจมีชาวเกาหลีใต้มากกว่า 1,000 คน ที่ยังคงถูกกักตัวอยู่ในเครือข่ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา แม้จะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมก็ตาม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
