หลายชาติร่วมประท้วง รับไม่ได้ตำรวจมะกันฆ่า ‘จอร์จ ฟลอยด์’
หลายประเทศทั่วโลกมีผู้ออกมาแสดงพลังร่วมประท้วงกับเหตุสังหารนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีชาวสหรัฐโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวในเมืองมินนิแอโปลิส รัฐมินนิโซตา เพื่อทวงคืนความยุติธรรม และปลุกกระแส “แบล็ก ไลฟ์ แมทเทอร์” หรือชีวิตคนผิวดำก็มีความสำคัญให้กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหนึ่ง
ที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ กลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนออกมาชุมนุมกันเพื่อแสดงพลังสนับสนุนผู้ประท้วงชาวอเมริกัน พร้อมทั้งตะโกนก้องว่า “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีเสรีภาพ” และถือป้ายประท้วงที่เขียนข้อความว่า “ต้องตายอีกกี่ชีวิต” ที่จตุรัสทราฟัลการ์ โดยไม่สนใจคำสั่งของรัฐบาลที่ห้ามการรวมตัวกันของคนหมู่มากเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ตำรวจก็ไม่ได้เข้าระงับการประท้วงแต่อย่างใด
ผู้ประท้วงในลอนดอนยังได้เดินขบวนผ่านรัฐสภาไปยังสถานทูตสหรัฐ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยรักษาความปลอดภัยอยู่โดยรอบสถานทูต โดยมีรายงานว่าตำรวจได้จับกุมผู้ประท้วงไป 5 คน ซึ่ง 3 คนถูกข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งล็อกดาวน์ ส่วนอีก 2 คนเจอข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนที่กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ผู้ประท้วงหลายร้อยคนเดินขบวนอยู่ด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับจอร์จ ฟลอยด์ และถือป้ายประท้วงที่มีข้อความว่า “ความเงียบคือความรุนแรง” “ตำรวจต้องรับโทษ” และ “เราจะเรียกใครให้ช่วยเมื่อตำรวจคือฆาตกร” แต่ไม่มีรายงานว่าเกิดเหตุรุนแรงใดๆ
เช่นเดียวกับที่ในเดนมาร์กที่มีการออกมาชุมนุมประท้วงหน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐ ที่มีการวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา
ความตายของจอร์จ ฟลอยด์ ส่งผลให้เกิดการประท้วงและความรุนแรงลุกลามไปทั่วในหลายเมืองของสหรัฐ ซึ่งคาดว่าเหตุวุ่นวายจะยังคงอยู่ต่อไปอีกหลายวัน ล่าสุดได้มีการบุกเข้าปล้นร้านหลุยส์ วิตตอง ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอนด้วย