TTCLครึ่งปีหลังงานฟู ชูแบ็กล็อก2.3หมื่นล.
TTCL ลุ้นคว้างานใหญ่ครึ่งปีหลัง 3-4 โครงการ หลังล่าสุดเพิ่งคว้างานโรงกลั่นจาก BCP ดันแบ็กล็อกทะลุ 2.3 หมื่นล้านบาท ย้ำรายได้ปีนี้ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท ยันไม่ได้รับผลกระทบจากธนาคาร 2 แห่งในเมียนมาถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ เผยยังคงได้รับเงินจากการขายไฟฟ้าต่อเนื่อง ส่วนข้อพิพาทโครงการ Rocksalt คาดได้ข้อสรุปสิ้นปีนี้
นายบุณยกฤต เสาวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL เปิดเผยว่า คาดว่าในครึ่งปีหลังบริษัทมีโอกาสที่จะชนะงานประมูลเพิ่ม โดยประเมินว่าจะได้งานใหญ่ระดับโครงการละไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาทต่อโครงการ ประมาณ 4-5 โครงการ ซึ่งจะเป็นงานจากต่างประเทศ และในประเทศ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ยื่นเข้าประมูลงานประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
แบ่งเป็นงานด้านปิโตรเคมีประมาณ 70% ส่วนที่เหลือเป็นงานโรงงาน เคมีภัณฑ์ และโรงไฟฟ้า ประมาณ 30% ซึ่งจากสถิติในอดีตที่ผ่านมาบริษัทจะได้งานประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าประมูล ดังนั้นในรอบนี้ก็คาดหวังว่าจะได้งานใหม่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท
*แบ็กล็อก 2.3 หมื่นล.
ล่าสุดบริษัทได้รับงานโครงการก่อสร้าง Sustainable Fuel Development Project (SFP) จากบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP โครงการดังกล่าวเป็นโครงการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) โดยที่ตั้งโครงการอยู่ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก กรุงเทพฯ โดยมีมูลค่าโครงการประมาณ 5 พันล้านบาท
โครงการดังกล่าวจะใช้น้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วในประเทศ 100% เป็นวัตถุดิบในการผลิต ซึ่งจะสามารถผลิต SAF ได้ปริมาณ 1,000 กิโลลิตรต่อวัน (350,000 กิโลลิตรต่อปี) และยังสามารถผลิตไบโอแนฟทา และน้ำมันไบโอดีเซลได้อีกด้วย โดยวัตถุดิบจากน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจะถูกจัดเตรียมและจัดหาโดยบริษัท ธนโชค ออยล์ ไลท์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นผู้ร่วมลงทุนใน บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) ร่วมกับ BCP
โดย TTCL ได้รับสัญญาก่อสร้าง EPC แบบครบวงจรสำหรับโรงงานเชิงพาณิชย์ของ SAF รวมถึงโรงปรับสภาพวัตถุดิบ (Pre-treatment facility) ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีของ Honeywell UOP Ecofining สำหรับโรงผลิต SAF
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทได้งานโครงการของ BCP ดังกล่าว ทำให้มีงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นเป็น 2.3 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นไตรมาส 1/2566 อยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 2/2566 คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากงานในมือที่มีอยู่ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2566 ซึ่งรับรู้รายได้อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท
*ปัญหาเมียนมาไม่กระทบ
ส่วนกรณีที่ธนาคารพาณิชย์ 2 แห่งในเมียนมา ถูกสหรัฐคว่ำบาตรนั้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะธุรกิจของบริษัทเป็นการขายไฟฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น และเป็นธุรกิจสัมปทาน รวมถึงมีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับทางการของเมียนมาแล้ว รวมถึงมีการกำหนดเงื่อนไขการชำระราคาที่ชัดเจน จึงไม่มีผลกระทบดังกล่าว และธนาคารพาณิชย์ในเมียนมามีจำนวนมาก จึงสามารถทำธุรกิจได้ตามปกติ
ทั้งนี้ในปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับเงินจากการขายไฟฟ้าให้กับเมียนมา ที่ราว 200 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 1/2566 ได้รับเงินแล้วจำนวน 48 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2/2566 คาดว่าจะได้รับประมาณ 45-50 ล้านบาท ดังนั้นจึงคาดว่าทั้งปีนี้จะได้รับเงินใกล้เคียงกับปีก่อน
ส่วนกรณีข้อพิพาทในโครงการ Rocksalt ที่บริษัทได้มีการฟ้องร้องต่อคู่กรณี เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งคาดว่าภายในปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะมีความคืบหน้า และสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุป ซึ่งบริษัทก็คาดหวังว่าจะได้ความเป็นธรรม
*เคาะเป้า 8.35 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TTCL ให้ราคาเป้าหมายที่ 8.35 บาท โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.1% ซึ่งมองว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้น ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการล้างขาดทุนสะสมเพื่อเปิดทางให้สามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะจ่ายปันผลปีนี้ 0.25 บาทต่อหุ้น ให้อัตราผลตอบแทนสูงถึง 6.6%