TEGHดีลคู่ค้าขยายตลาด เล็งสินค้าใหม่เพิ่มมูลค่า
#TEGH #ทันหุ้น – TEGH ปรับกลยุทธ์ขยายฐานเจาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะเจาะจง บริหารจัดการมาร์จิ้นทั้งปี 2568 เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจ CPO รับอานิสงส์เพิ่มศักยภาพการผลิตเต็มปี แถมยังรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เล็งผุดสินค้าที่เกี่ยวเนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบเพิ่มมูลค่า หนุนผลงานทั้งปี 2568 โตแกร่ง ด้านโบรกส่องผลงานไตรมาส 4/2567 นิวไฮ ยอดขายพุ่ง แนะซื้อเป้า 5 บาท
นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทคาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2567 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องได้ทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเทียบกับงวดไตรมาส 3/2567 (QoQ) ที่ผ่านมา หนุนจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยธุรกิจยางพาราปริมาณขายยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง หนุนจากการขยายกำลังการผลิตราวไตรมาส 3/2567 ที่ผ่านมา ขณะที่ความต้องการใช้ยางแท่ง STR20 ที่เป็นไปตามเกณฑ์ EUDR ที่ยังทรงตัวสูง
กลุ่มธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ผลปาล์มมีแนวโน้มออกสู่ตลาดมากขึ้นหลังสิ้นสุดฤดูฝน ส่งผลให้มีปริมาณปาล์มเข้าสู่กระบวนการสกัดมากขึ้น เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 3/2567 (QoQ) ที่ผ่านมา ประกอบกับบริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ประสิทธิภาพ หนุนศักยภาพการทำอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ธุรกิจปาล์มให้สูงขึ้น และมีเสถียรภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ เช่น Skincare เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์และผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต สร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต พร้อมกันนี้ธุรกิจพลังงานหมุ่นเวียน บริษัทได้เป็นคู่ค้าผลิตภัณฑ์ Bio Gas กับบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGCคาดสร้างรายได้ให้กับบริษัทในระยะยาว
*เจรจาปรับราคายาง
สำหรับกรณีที่สหภาพยุโรปพิจารณาเลื่อนบังคับใช้กฎหมายสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EU Deforestation Regulation EUDR) ออกไป โดยในระยะ 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทจะคิดราคายางบวกค่าพรีเมียม (Premium) จากนั้นจะเริ่มเจรจาปรับเกณฑ์การตั้งราคาซื้อ - ขายยางพาราโดยเฉพาะกลุ่มสินค้ายางแท่ง STR20 ที่เป็นไปตามเกณฑ์ EUDR ใหม่อีกครั้ง พร้อมกันนี้บริษัทได้แตกไลน์ออกไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำยางสดมาตรฐาน EUDR ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดเฉพาะเจาะจง (Niche Market) ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงอีกด้วย
“บริษัทยังเห็นสัญญาณความต้องการยาแท่ง STR20 มาตรฐาน EUDR จากทั่วโลกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการบังคับใช้จะเลื่อนออกไป ดังนั้นจึงเจรจาเกณฑ์การคิดราคายางเป็น 2 ช่วงคือครึ่งแรกของปี 2568 จะคิดราคาแบบ Cost Plusโดยบริษัทยังได้ค่าพรีเมียม จากนั้นค่อยปรับเกณฑ์ช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อกระแส EUDR กลับมา ส่งผลให้บริษัทยังสามารถรักษาอัตรากำไรข้างต้นได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ ขณะที่ปริมาณการขายก็ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง”
สำหรับกลุ่มธุรกิจยางพาราของบริษัท ได้วางแผนกระจายความเสี่ยงพื้นที่เพาะปลูกยางพาราให้ครอบคลุมในหลายพื้นที่ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เพื่อสร้างเสถียรภาพของวัตถุดิบ ควบคู่กับการให้คำแนะนำ-ช่วยเหลือเกษตรกรสวนยางพาราให้ได้ดำเนินการตามมาตรฐานความยั่งยืน (FSC) มาโดยตลอด ดังนั้นผลผลิตยางแท่ง STR20 จึงเป็นไปตามเกณฑ์ EUDR มาตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจ อีกทั้งยังเดินหน้าขยายกำลังการผลิตยางแท่งขึ้นรองรับความต้องการที่มีแนวโน้มเติบโตสอดคล้องกับกระแสการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
*แนะซื้อเป้า 5 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ปริมาณผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2567 โดยรวมของ TEGH ในกรอบ 230-260 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องทั้ง QoQ, YoY และทำระดับสูงสุดของปี หนุนจากปริมาณขายกลุ่มธุรกิจยางธรรมชาติมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นแตะราว 66,000 ตัน แบ่งเป็นปริมาณขายยาง EUDR คาดจะอยู่ที่ราว 25,000 ตัน ด้านธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) คาดได้รับอานิสงส์จากการติดตั้ง Broiler ในกระบวนการผลิตหนุนประสิทธิภาพหนุน GPM ธุรกิจปาล์มให้สูงขึ้น และมีเสถียรภาพมากขึ้น และธุรกิจพลังงานหมุนเวียน จะเริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่าย Bio Gas ให้กับ GGC เป็นไตรมาสแรก คาดจะหนุนรายได้ราว 30 ล้านบาท
เบื้องต้นประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2567 ไว้ที่ 523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 131.8% YoY และเติบโตต่อเนื่อง 10.52% YoY แตะ 578 ล้านบาท สำหรับกรณีที่ทางสหภาพยุโรปเลื่อนบังคับใช้ยางมาตรฐาน EUDR ออกไปคาดการณ์ว่าจะส่งผลต่อปริมาณขายของกลุ่มธุรกิจยางพาราในช่วง 1H/2568 และจะเร่งตัวขึ้นในช่วง 2H/2568 จึงคงมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานปี 2568 ของ TEGH จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 5 บาท