รีเซต

ลดพึ่งพาจีน! เมื่อ "SHEIN" หันเพิ่มสินค้าจากอินเดีย l การตลาดเงินล้าน

ลดพึ่งพาจีน! เมื่อ "SHEIN" หันเพิ่มสินค้าจากอินเดีย l การตลาดเงินล้าน
TNN ช่อง16
11 มิถุนายน 2568 ( 15:08 )
10

รายงานข่าวจาก รอยเตอร์ส บอกว่า SHEIN (ชีอิน) มีแผนร่วมกับ Reliance Retail (รีไลแอนซ์ รีเทล) ซึ่งเป็นพันธมิตรในอินเดีย ในการขยายจำนวนซัพพลายเออร์ในประเทศอินเดียโดยเร็ว และตั้งเป้าที่จะเริ่มจำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ ชีอิน ที่ผลิตจากอินเดีย ในตลาดต่างประเทศ ภายใน 6 ถึง 12 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งแผนดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่สหรัฐอเมริกา จะกำหนดขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนด้วยซ้ำ และมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนซัพพลายเออร์ในอินเดียจากปัจจุบัน มีจำนวน 150 ราย เป็น 1,000 ราย ภายใน 1 ปี

แหล่งข่าว บอกอีกว่า รีไลแอนซ์ ของ มูเกช อัมบานี (Mukesh Ambani) บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย ได้ทำสัญญากับผู้ผลิตเสื้อผ้าภายในประเทศแล้วเป็นจำนวน 150 ราย และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตรายอื่น ๆ อีกกว่า 400 ราย แต่เป้าหมายคือ 1,000 รายภายใน 1 ปี สำหรับสินค้าที่จำหน่ายในตลาดอินเดีย และเพื่อวางจำหน่ายบนเว็บไซต์ระดับโลกของ ชีอิน เบื้องต้น ต้องการนำเสื้อผ้าที่ผลิตจากอินเดีย ไปลงรายการในเว็บไซต์ ที่สหรัฐฯ และอังกฤษ

รีไลแอนซ์ ยังวางแผนที่จะทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์รายใหม่เพื่อจัดหาผ้า โดยเฉพาะผ้าที่ผลิตด้วยเส้นใยสังเคราะห์ซึ่งอินเดียไม่มีความเชี่ยวชาญ ตลอดจนนำเข้าเครื่องจักรที่จำเป็น ขณะเดียวกัน จะลงทุนในซัพพลายเออร์และช่วยให้พวกเขาเติบโต แต่ในทางกลับกันก็จะช่วยให้ความร่วมมือระหว่าง ชีอิน และ รีไลแอนซ์ ขยายไปทั่วโลกได้ด้วย

ทั้งนี้ ชีอิน เป็นผู้ค้าปลีกออนไลน์สินค้าแฟชัน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในประเทศจีน และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ เน้นจำหน่ายเสื้อผ้าราคาถูก เช่น ชุดเดรสราคา 5 ดอลลาร์สหรัฐฯ และกางเกงยีนส์ราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นต้น ซึ่งจัดส่งสินค้าตรงจากซัพพลายเออร์กว่า 7,000 รายในจีน ไปยังลูกค้าทั่วโลกกว่า 150 ประเทศ

ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ ชีอิน คือสหรัฐอเมริกา ทำให้กำลังปรับตัว ให้เข้ากับนโยบายภาษีใหม่ที่เกี่ยวกับพัสดุราคาถูกจากจีน จากก่อนหน้านี้ สามารถนำเข้าได้โดยไม่ต้องเสียภาษีอากร 

ส่วนตลาดในอินเดียนั้น ชีอิน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2018 แต่แล้วแอปของบริษัทฯ ก็ถูกแบนในปี 2020 อันเนื่องมาจากประเด็นทางการเมือง

และก็ได้กลับมาอีกครั้ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายใต้ข้อตกลงการให้สิทธิ์ในการใช้แบรนด์ ชีอิน กับบริษัทในเครือของ รีไลแอนซ์ อินดัสทรีส (Reliance Industries) โดยมีการเปิดตัวเว็บไซต์ ชีอิน อินเดีย ดอท ไอเอ็น (SheinIndia.in) จำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ชีอิน ที่ผลิตจากโรงงานในท้องถิ่นเอง ซึ่งแตกต่างจากเว็บไซต์ของชีอินในตลาดอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นการขายสินค้าจากจีน แต่มีบางส่วนที่ผลิตในประเทศอื่น เช่น ตุรกี และบราซิล เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ซีอิน ได้ให้ข้อมูลกับ รอยเตอร์ส บอกเพียงว่าความร่วมมือกับ รีไลแอนซ์ รีเทล นั้น ยังจำกัดอยู่แค่การออกใบอนุญาตแบรนด์ของตนเองให้กับพันธมิตร สำหรับการจำหน่ายในอินเดียเท่านั้น โดยทางพันธมิตร รับผิดชอบทั้งด้านการผลิต ห่วงโซ่อุปทาน การขาย และการดำเนินการในตลาดดังกล่าวทั้งหมด

ซึ่ง รีไลแอนซ์ จะทำธุรกิจในรูปแบบเดียวกันกับของ ชีอิน คือการผลิตตามความต้องการ โดยขอให้ซัพพลายเออร์ผลิตจำนวนน้อยต่อการออกแบบหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตให้มากขึ้นหากสินค้าชิ้นนั้นขายดีมากขึ้น 

โดยความร่วมมือระหว่าง ชีอิน และ รีไลแอนซ์ เป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ รีไลแอนซ์ ทำร่วมกับแบรนด์แฟชันรายอื่น เช่น Brooks Brothers (บรูคส์ บราเธอร์ส) Marks and Spencer (มาร์กส แอนด์ สเปนเซอร์) และ Diesel (ดีเซล) นอกจากนี้ มีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ในชื่อ Ajio (อาจิโอ) ซึ่งแข่งขันกับ Amazon (แอมะซอน) และ Flipkart (ฟลิปคาร์ต) ของ Walmart (วอลมาร์ต) รวมถึงร้านค้าปลีกที่เน้นความคุ้มค่าอย่าง Zudio (ซูดิโอ) ของกลุ่ม Tata (ทาทา) ด้วย 

อย่างไรก็ดี การขยายจำนวนซัพพลายเออร์ ของชีอิน ในอินเดีย ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสนใจจากบริษัทขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมแฟชัน และร้านค้าปลีกระดับโลก ที่มีมากขึ้นต่ออินเดีย โดยเฉพาะบริษัทที่กำลังมองหาซัพพลายเออร์จากประเทศอื่นนอกเหนือจากจีน อันเนื่องมาจากผลกระทบต่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง APPLE ก็ยังได้เร่งการผลิตในอินเดียมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยตั้งเป้าที่จะผลิต ไอโฟน สัดส่วนประมาณร้อยละ 25 ของการผลิตทั่วโลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และแผนนี้ นี่เอง ทำให้เกิดการตอบโต้จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าวที่ร้อยละ 25 อีกด้วย 

ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การตัดสินใจดังกล่าว ถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงเพิ่มขึ้น และการถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อห่วงโซ่อุปทานของ ชีอิน ก่อนการจะขายหุ้น ไอพีโอ ซึ่งกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก

โดย ซูซานนาห์ สตรีเตอร์ (Susannah Streeter) หัวหน้าฝ่ายการเงินและตลาดของ ฮาร์เกรฟส์ แลนส์ดาวน์ (Hargreaves Lansdown) ได้ให้มุมมองกับ ซีเอ็นบีซี โดยบอกว่า เมื่อพิจารณาจากอุปสรรคทางการค้าที่ชีอินต้องเผชิญนั้น แผนการขยายการผลิตสินค้าของ ชีอิน ในอินเดีย ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดมากทีเดียว

ขณะนี้ ผลการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังไม่ชัดเจน ดังนั้น การกระจายฐานการผลิตไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลก อาจได้รับประโยชน์จากภาษีนำเข้าสินค้าที่ลดลงได้

ด้าน เอ็ด แซนเดอร์ (Ed Sander) นักวิเคราะห์จาก เทค บัซ ไชน่า (Tech Buzz China) บอกว่า การใช้อินเดียเป็นฐานการผลิตนั้น ดูเหมือนจะเป็นแผนระยะยาว และคาดว่า ความท้าทายด้านภาษีศุลกากรในปัจจุบันอาจตัวกระตุ้น ทำให้การดำเนินการนี้เร็วขึ้น

และบอกด้วยว่า หากจะให้ส่งออกจากอินเดีย ไปประเทศอื่น ๆ นั้น เรื่องกำลังการผลิตของโรงงานในอินเดียจะต้องได้รับการแก้ไขก่อน แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต หาก รีไลแอนซ์ ขยายกำลังการผลิตได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวของ ชีอิน กำลังถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากบริษัทฯ กำลังพยายามเอาชนะการตรวจสอบอย่างเข้มงวดในการขายหุ้น ไอพีโอ ซึ่งบริษัทฯ กำลังประสบปัญหาอยู่ และอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่รายนี้ ก็เพิ่งจะย้ายเป้าหมายการจดทะเบียนในตลาดหุ้น จากลอนดอน ไปยังฮ่องกงแทน เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีน 

ก่อนหน้านี้ การนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอน เคยถูกมองว่าจะเป็นผลดีต่อ ชีอิน เพราะจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับโลก และสามารถเข้าถึงนักลงทุนฝั่งตะวันตกที่มีประสบการณ์และมีความคล่องสูง แต่นักวิเคราะห์ มองว่าการเปลี่ยนเป้าหมายไปยังตลาดหุ้นฮ่องกง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มข้นต่อไป +

แต่ที่ผ่านมา ชีอิน ก็เจอกับอุปสรรคมาต่อเนื่องในการจะเข้าตลาดหุ้น ซึ่งครั้งแรกมีเป้าหมายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ในสหรัฐฯ แต่ก็ถูกคัดค้านอย่างหนักจากสภาคองเกรส สหรัฐฯ ในประเด็นการบังคับใช้แรงงานในการผลิตสินค้าราคาถูก ซึ่งบริษัทฯ ก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหามาอย่างหนักแน่น จากนั้นก็ ย้ายเป้าหมายไปที่ลอนดอนแทน (และปัจจุบันก็ย้ายเป้าหมายไปที่ ฮ่องกง)

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง