BANPU กลับมาเริ่มต้นใหม่ 'กสิกรไทย' แนะเก็บ ชี้ราคาไม่แพง

#ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย สแกน หุ้นบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ลดราคาเป้าหมายลงเป็น 13 บาท จากราคาหุ้นที่ไม่แพง และคาดว่าราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวขึ้นในช่วงฤดูร้อน การกลับมาเริ่มดำเนินการของโรงงาน Freeport LNG จะเป็นจุดเปลี่ยน แม้แนวโน้มกำไรจะลดลงในไตรมาส 4/65-1/66 คาดกำไรไตรมาส 4/65 จะอยู่ที่ 1 หมื่นลบ. ลดประมาณการกำไรปี 2566-67 ลง 17-34% เพื่อสะท้อนแนวโน้มราคาถ่านหินและก๊าซที่อ่อนตัวลง และอัปเดตประมาณการกำไรของ BPP และสมมติฐาน FX ใหม่
การกลับมาเริ่มดำเนินการของโรงงาน Freeport LNG จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ราคาก๊าซธรรมชาติอ้างอิงแหล่ง Henry Hub ของสหรัฐฯ ลดลงมากถึง 54% ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาจากสภาพอากาศที่อุ่นกว่าปกติในซีกโลกเหนือ และความล่าช้าในการกลับมาเริ่มดำเนินการของโรงงาน Freeport LNG ซึ่งทำให้สต็อกก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ และยุโรปเพิ่มขึ้นไปอยู่ในระดับที่ตลาดคลายความกังวล ทั้งนี้ จากการที่ฤดูหนาวใกล้ จะสิ้นสุดลงแล้ว ปัจจัยสุดท้ายที่จะหนุนราคาก๊าซธรรมชาติของสหรัฐฯ ได้คือการกลับมาดำเนินการตามปกติของโรงงาน Freeport LNG ในช่วงปลายเดือน มี.ค. ซึ่งน่าจะช่วยลดปริมาณก๊าซที่ล้นตลาดในสหรัฐฯ ดังนั้น ราคาก๊าซธรรมชาติน่าจะปรับตัวขึ้น
ทั้งนี้ คาดราคาขายเฉลี่ยของ BANPU จะลดลงน้อยกว่า BANPU เชื่อว่าราคาถ่านหินที่ลดลงเมื่อเร็วๆ นี้เกิดจากอุปสงค์ในตลาด spot ที่เบาบาง ขณะที่คาดดัชนีราคาถ่านหิน Newcastle (NEX) จะอยู่ที่ประมาณ 230-240 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ต่อตัน ในปี 2566 ซึ่งแสดงถึง downside ที่จำกัดต่อระดับราคาถ่านหินในปัจจุบัน ทั้งนี้ แม้ว่า spot index จะลดลง แต่ราคาขายเฉลี่ย(ASP) ของ BANPU จะลดลงน้อยกว่า เนื่องจากบริษัทมีสัญญาขายราคาคงที่ภายใต้เงื่อนไข DMO และสัญญา JPU รวมถึงมีการขายอ้างอิงดัชนีถ่านหิน ICI ที่มีความผันผวนน้อยกว่า ซึ่งปริมาณขายเหล่านี้คิดเป็น 60-70% ของปริมาณการขายของธุรกิจเหมืองในอินโดนีเซีย ในขณะที่การปรับราคาขายถ่านหินในประเทศสำหรับธุรกิจถ่านหินในออสเตรเลีย (6 ล้านตัน) จาก 80 ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ตัน เป็น 125 ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ตัน หรือมากกว่านั้น จะช่วยชดเชยผลกระทบของดัชนี NEX ที่ลดลงสำหรับตลาดส่งออก (2-3 ล้านตัน)
กำไรไตรมาส 4/2565 คาดจะอ่อนตัวลง QoQ ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 ของ BANPU จะอยู่ที่ 1.01 หมื่นลบ. ลดลง 43% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 190% YoY กำไรที่ลดลงเชิง QoQ มาจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอในทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลจากราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ลดลง รวมถึมีการหยุดซ่อมบำรุงของโรงไฟฟ้าหลายแห่งตามแผน
นอกจากนี้ คาดว่า BANPU จะรับรู้ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) จำนวน 3.1 พันลบ. และผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงจานวน 3.5 พันลบ. ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 ของ BANPU จะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินได้ลดลงต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังจะมีการรับรู้ผลขาดทุน FX ได้อีก อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบดังกล่าวน่าจะถูกหักลบบางส่วนจากธุรกิจไฟฟ้าที่แข็งแกร่งขึ้น และผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาก๊าซธรรมชาติที่พลิกกลับเป็นกำไรเล็กน้อย
ลดประมาณการกำไรปี 2566-67 ลง 17-34% แม้ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปี 2565 แต่ลดประมาณการกำไรปี 2566-67 ลง 34% และ 17% เป็น 2.34 หมื่นลบ. และ 1.73 หมื่นลบ. เนื่องจาก 1) ลดสมมติฐานดัชนีราคา NEX ปี 2566 ลง 25 ดอลลาร์ฯ เป็น 235 ดอลลาร์ฯ/ตัน แต่ปรับสมมติฐานปี 2567 ขึ้น 25% เป็น 200 ดอลลาร์ฯ/ตัน เพื่อสะท้อนราคาซื้อขายในตลาดล่วงหน้า 2) ลดสมมติฐานราคาก๊าซธรรมชาติแหล่ง Henry Hub ของสหรัฐฯ ในปี 2566-67 ลง 28-35% เป็น 3.3 ดอลลาร์ฯ/mmbtu ทั้ง 2 ปี 3) ลดประมาณการขายก๊าซธรรมชาติปี 2566-67 ลง 8%/7% เป็น 344bcf ตามปริมาณการขายจริงในไตรมาส 4/2565 4) อัปเดตประมาณการกำไรล่าสุดของ BPP และ 5) อัปเดตสมมติฐาน FX ที่แข็งค่าขึ้น
คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ลดราคาเป้าหมายเป็น 13.00 บาท เพื่อสะท้อนการปรับลดประมาณการกำไรและเป้า EV/EBITDA ที่ลดลงของธุรกิจก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ จาก -1.0xS.D. เป็น -1.5x SD ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 อิงด้วยวิธี SOTP ของฝ่ายวิจัยลดลง 19% จาก 16.0 บาท เป็น 13.0 บาท จากผลตอบแทนผู้ถือหุ้นรวม (TSR) ที่ประมาณ 21% ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ BANPU หุ้นซื้อขายที่ราคาไม่แพงที่ EV/EBITDA ที่ -2x S.D. จึงคาดว่าราคาหุ้นปัจจุบันจะมี downside ที่จำกัด
ปัจจัยหนุนราคาหุ้น ได้แก่ ความคาดหวังที่ว่าราคาก๊าซจะปรับตัวขึ้นหลังจากการกลับมาเริ่มดำเนินการของโรงงาน Freeport LNG สภาพอากาศที่อบอุ่นกว่าปกติในฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึง และความต้องการใช้ถ่านหินของจีนที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์จากโควิด-19