สถานทูตไทยในรัสเซียเร่งช่วย แรงงานไทยในอุซเบกิสถาน
ปัญหาแรงงานไทยในอุซเบกิสถานกลับมาสู่ความสนใจของสาธารณชนไทยอีกครั้งหนึ่งในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม หลังจากที่มีผู้ออกมาโพสต์ว่ามีแรงงานไทยร้อยกว่าคนในอุซเบกิสถานที่รอความช่วยเหลือจากหน่วยงานไทย เนื่องจากเกิดโควิด-19 ระบาดในแคมป์ที่พัก ขณะที่ทางบริษัทปิดกั้นและปิดบังไม่ให้สถานทูตไทย ซึ่งในที่นี้คือสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ที่มีเขตอาณาครอบคลุมอุซเบกิสถาน เข้ามาช่วยเหลือคนงาน จึงอยากจะให้หน่วยงานไทยมาช่วยเพราะยิ่งอยู่นานจะยิ่งเสี่ยงถึงชีวิต และบริษัทไม่สามารถรับผิดชอบได้ กระทั่งสื่อในไทยได้นำประเด็นดังกล่าวมาขยายผลต่อ
ในความเป็นจริง กรณีปัญหาของคนงานในอุซเบกิสถานที่เข้ามาทำงานในโครงการก่อสร้างโรงงานแยกแก๊สของรัฐบาลอุซเบกิสถาน เป็นเรื่องที่สถานทูตไทยในมอสโกดูแลมาก่อนตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว และได้มีการส่งแรงงานไทยในอุซเบกิสถานกลับบ้านมาแล้วรอบหนึ่งจำนวน 37 คน ซึ่งเดินทางมาถึงไทยตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งกรณีของแรงงานไทยในอุซเบกิสถานกลุ่มหลังจำนวน 101 คน ก็เป็นคนงานที่อยู่ในโครงการก่อสร้างโรงงานแห่งเดียวกัน
คนงานกลุ่มนี้เดินทางมาทำงานในอุซเบกิสถานตั้งแต่เมื่อกลางปีที่แล้ว ในโครงการก่อสร้างโรงงานแยกแก๊สของรัฐบาลอุซเบกิสถานที่เมืองการ์ชิ ซึ่งอยู่ห่างจากจากกรุงทาชเคนต์ เมืองหลวงของอุซเบกิสถานประมาณ 500 กิโลเมตร เป็นพื้นที่ว่างเปล่าห่างไกลความเจริญเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นทะเลทราย โดยมีบริษัทจัดหางานไทย 2 บริษัทดำเนินการ โดยรับรองสัญญาจ้างงานผ่านสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก และกระทรวงแรงงานรับรองอีกชั้นหนึ่ง และอีกกลุ่มเดินทางมาเองโดยผ่านตัวแทนบริษัทในต่างประเทศ
ที่ผ่านมาก่อนการระบาดใหญ่ของโควิด-19 สถานการณ์ทุกอย่างก็เป็นปรกติ กระทั่งราวเดินกุมภาพันธ์ หลังจากเกิดโรคระบาด อุซเบกิสถานปิดประเทศ ปิดสนามบิน การทำงานเริ่มหยุดชะงัก ปัญหาเริ่มเกิดขึ้น โดยกลุ่มที่เดินทางมาด้วยตัวเองผ่านตัวแทนบริษัทต่างประเทศ เริ่มมีปัญหานายจ้างไม่จ่ายค่าแรง ปิดบริษัท ทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ แรงงานกลุ่มนี้จำนวน 37 คนจึงได้ร้องเรียนมาทางสถานทูต
ปัญหาของแรงงานกลุ่มนี้คือเดินทางมาโดยไม่ผ่านกระทรวงแรงงาน มีการทำสัญญาทำกันเองระหว่างบริษัทต่างประเทศกับแรงงานโดยตรง ในช่วงแรกเมื่อแรงงานกลุ่มนี้ถูกลอยแพ ไม่ได้รับค่าจ้าง นอกจากนั้นไม่ได้ลงทะเบียนเป็นแรงงานกับทางการอุซเบกิสถาน ทำให้กลายเป็นผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายด้วย แต่แคมป์คนงานก็ยังให้การดูแลเรื่องที่พักและอาหารอยู่ จนกระทั่งในราวปลายเดือนเมษายนแคมป์คนงานขอให้แรงงานเหล่านี้ออกจากแคมป์เนื่องจากไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้อีกต่อไป
สถานทูตได้พยายามต่อรองขอให้แคมป์ช่วยดูแลคนงานเหล่านี้ต่อไปก่อนจนกว่าจะสามารถหาเที่ยวบินกลับไทยได้ ซึ่งในตอนนั้นไม่มีเที่ยวบินใดๆ นอกจากเที่ยวบิน 1 เที่ยวที่รัฐบาลอุซเบกิสถานจัดไปรับคนของเขาที่เกาหลีใต้ แต่เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วตกคนละเกือบ 70,000 บาท รวมทั้งต้องไปรอโควตากลับไทยของสถานทูตไทยที่เกาหลี จึงต้องล้มเลิกความคิดดังกล่าวไป แต่ระหว่างนั้นสถานทูตและกระทรวงการต่างประเทศพยายามประสานฝ่ายอุซเบกิสถานเพื่อสอบถามถึงเที่ยวบินที่รัฐบาลเขาจะส่งไปรับคนของเขาในประเทศไทย สถานทูตยังได้ประสานกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยในกรุงทาชเคนต์ให้ช่วยดูแลคนไทยกลุ่มนี้อีกด้วย ซึ่ง นายซาฟาร์ โซโบโรวิช เออร์กาเชฟ กงสุลกิตติมศักดิ์ไทยประจำอุซเบกิสถานก็มีน้ำใจให้การช่วยเหลือดูแลและประสานงานให้เป็นอย่างดี
ต่อมาในราวปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน แรงงานเริ่มทนไม่ไหวกับการที่ไม่มีงานทำและไม่มีรายได้ จึงขอให้สถานทูตประสานงานเพื่อเดินทางไปรอขึ้นเครื่อง ณ กรุงทาชเคนต์ โดยให้สถานทูตทดรองค่าใช้ตามระเบียบราชการไปก่อน ถึงแม้ในช่วงเวลานั้นยังไม่มีเที่ยวบินใดๆ ไปกรุงเทพก็ตาม
สถานทูตไทยเข้าใจดีถึงความยากลำบากและความเครียดของแรงงานไทย จึงประสานจัดรถบัสให้แรงงานไทยกลุ่มนี้มาพักที่กรุงทาชเคนต์เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน รวมทั้งการขออนุญาตทางการอุซเบกิสถานเรื่องการเดินทางข้ามเขต และการขอผ่อนผันโทษเพราะบุคคลเหล่านี้เป็นแรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์อย่างดีในฐานะมิตรประเทศและเข้าใจในสถานการณ์ ขณะเดียวกันก็ประสานเรื่องเที่ยวบิน จนในที่สุดสถานทูต กรมยุโรป และกระทรวงการต่างประเทศก็ได้เจรจาเป็นผลสำเร็จ และส่งแรงงานในอุซเบกิสถานกลุ่มแรกกลับไทยได้เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 ท่ามกลางความดีใจของญาติมิตรที่รอคอย และเป็นความสำเร็จอีกครั้งหนึ่งในการประสานงานเพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ประสบปัญหาในต่างประเทศหลังการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19
จากนั้นในราวต้นเดือนกรกฎาคม มีการร้องเรียนจากไซต์งานเดิมโดยเป็นคนงานประมาณ 101 คนซึ่งเดินทางมาอย่างถูกต้องผ่านกรมการจัดหางาน ว่าในแคมป์คนงานมีการระบาดของโรคโควิด-19 แรงงานมีความวิตกกังวลอย่างมาก เพราะที่พักแออัด มีคนอยู่รวมกันหลายชาติ และบริษัทไม่ดูแลการระบาดเท่าที่ควร นอกจากนั้นค่าจ้างก็จ่ายล่าช้า จึงอยากกลับเมืองไทย
เมื่อทราบข่าวสถานทูตก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สอบถามความเป็นอยู่ของคนงาน และสำรวจสถานะสัญญาจ้างของทุกคน ปรากฏว่าในจำนวนแรงงานไทย 101 คน มีทั้งผู้ที่ครบหรือจะครบสัญญาและไม่ครบสัญญา จึงได้สอบถามไปทางกรมการจัดหางาน รวมทั้งทราบจากการแถลงข่าวของนายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน ว่าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ตามสิทธิ และทราบว่าผู้ที่ครบสัญญาจ้างบริษัทผู้จัดส่งจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับไทย ส่วนผู้ที่ยังไม่ครบสัญญาก็ต้องออกเงินค่าเดินทางเอง ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าบริษัทจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในลักษณะไหนอย่างไร แต่สถานทูตเห็นว่าเมื่อแรงงานเหล่านี้เดินทางมาอย่างถูกต้อง ก็ต้องได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ ปัญหาคือหากเงินไม่มีก็ต้องทนรอต่อไป นอกจากจะออกเงินกลับกันเองอย่างเช่นแรงงานในชุดแรก โดยนอกเหนือจากแรงงานไทย 101 คนแล้ว ยังมีหมอนวดไทยอีก 1 คนที่รอเดินทางกลับบ้านพร้อมกัน
สถานทูตได้พยายามหาทางออกโดยเฉพาะในเรื่องเครื่องบิน อาทิ การร่วมจัดเครื่องบินเช่าเหมาลำกับทางการอุซเบกิสถานเช่นคราวที่แล้ว หรือขอให้สถานทูตไทย ณ กรุงนูร์-ซุลตัน ประเทศคาซัคสถาน ซึ่งมีกำหนดส่งคนไทยกลับประเทศในวันที่ 31 กรกฎาคม ให้นำเครื่องมารับแรงงานไทยที่กรุงทาชเคนต์ก่อนกลับไทย หรือแม้แต่การขอทราบราคาเช่าเหมาลำจากสายการบินของไทยสายการบินหนึ่ง ซึ่งได้เสนอราคามาที่กว่า 6 ล้านบาท เฉลี่ยแล้วเกือบ 6 หมื่นบาทต่อคน จึงต้องปฏิเสธไปเพราะคาดว่าราคาดังกล่าวน่าจะเป็นราคาชั้นธุรกิจทั้งลำ
อย่างไรก็ดีไม่ว่าจะเป็นทางเลือกใดก็ตาม ล้วนแต่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าใครจะรับผิดชอบ รับผิดชอบอย่างไร กระทรวงแรงงานระบุว่าแรงงานจะได้รับการช่วยเหลือตามสิทธิ แต่สิทธิในการซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน ไม่อยู่ในสิทธิที่แรงงานพึงได้จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ แต่สถานทูตไทยก็จะยังคงเร่งทำงานอย่างเต็มที่เพื่อหาทางช่วยเหลือแรงงานไทยในอุซเบกิสถานให้เดินทางกลับประเทศให้ได้เร็วที่สุดต่อไป แม้จะยังคงมีข้อจำกัดมากมายในการทำงานก็ตาม
สถานทูตไทยในรัสเซียยังดูแลประเทศต่างๆ ในเขตอาณารวม 5 ประเทศ โดยประเทศหลักคือรัสเซีย ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก เพื่อให้เห็นภาพคือฝั่งตะวันตกสุดติดโปแลนด์ขณะที่ฝั่งตะวันออกสุดติดญี่ปุ่น ในประเทศรัสเซียมีเวลาต่างกันถึง 10 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีประเทศอาร์เมเนีย เบลารุส มอลโดวา และอุซเบกิสถาน ซึ่งรวมกันทั้งหมดอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล มีคนไทยอาศัยอยู่ราว 5,000-6,000 คน แต่หลังจากเหตุโควิด-19 ระบาด สถานทูตประเมินว่าอาจจะมีคนไทยอยู่ถึง 9,000-10,000 คน เนื่องจากมีผู้ที่ไม่เคยแจ้งให้สถานทูตทราบว่าอยู่ในประเทศเหล่านี้ได้มาขอความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาสถานทูตได้ส่งคนไทยกลับบ้านไปแล้ว 10 เที่ยวบิน ร่วม 600 คน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียและสายการบินแอโรฟลอตอย่างดียิ่ง
สถานการณ์ในรัสเซียตอนนี้แม้จะมีผู้ติดเชื้อสูงมากกว่า 8 แสนคน แต่ก็รักษาหายแล้วเกือบ 6 แสนคน รัฐบาลรัสเซียเริ่มผ่อนคลายการควบคุมจนมีการทำกิจกรรมและประกอบอาชีพเกือบเป็นปรกติ ยกเว้นการชุมนุมเกิน 50 คน การแสดงดนตรียังห้ามอยู่ แต่สายการบินเริ่มบินประเทศใกล้ๆ และในยุโรปบางประเทศกลับมาบินเป็นปรกติแล้ว นอกจากนั้นทางการรัสเซียเริ่มขอทางการไทยให้สายการบินรัสเซียเดินทางเข้าไทยเป็นเที่ยวบินปรกติแล้วเช่นกัน
สำหรับคนไทยในรัสเซีย เท่าที่ได้รับรายงานมีผู้ติดโควิด 5 ราย บางรายไม่แสดงอาการ ส่วนรายที่แสดงอาการรักษาหายแล้ว จากข้อมูลที่ได้รับจากผู้ป่วย ทางการรัสเซียมีการจัดการที่เป็นระบบ ให้การดูแลรักษาอย่างดี ใช้เวลารักษาประมาณ 2-3 สัปดาห์ สำหรับผู้ที่มีอาการป่วยเป็นไข้คล้ายอาการของโรคโควิด ทางการจะให้กักตัวที่บ้านอย่างเคร่งครัด มีแพทย์มาดูอาการทุกวัน และถ้าพบว่าออกจากบ้านอาจมีโทษถึงจำคุก ซึ่งก็แทบจะไม่มีใครฝ่าฝืน มีระบบการคัดกรองผู้ใช้รถขนส่งสาธารณะ ต้องขอบัตรอนุญาตการเดินทางล่วงหน้า แน่นอนว่ามาตรการนี้ย่อมมีผลกระทบกับคนไทยที่อาศัยอยู่ในรัสเซีย ในช่วงที่ร้านรวงปิดทำการ การสัญจรไปมายากลำบาก สถานทูตจึงได้หาทางช่วยบรรเทาความเดือดร้อนด้วยการจัดส่งถุงยังชีพไปถึงประชาชนทั่วรัสเซีย ซึ่งหากมีผู้ที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือนี้ก็ขอให้แจ้งที่อยู่มาให้สถานทูตทราบ เพราะอาจมีบางรายที่ยังตกหล่น ขณะที่บางรายก็พำนักอาศัยอยู่ห่างไกลนอกพื้นที่ขนส่งปกติ ยิ่งไปกว่านั้นบางรายก็ไม่ทราบที่อยู่ที่แน่ชัดของตัวเอง
สถานทูตไทยภายใต้การนำของท่านทูตธนาธิป อุปัติศฤงค์ เอกอัครราชทูตไทยประจำรัสเซีย รู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับความเดือดร้อน ได้มาเรียนรู้การบริหารจัดการวิกฤติ ได้เห็นรอยยิ้มและน้ำตามากมาย ทั้งยังขอสัญญาว่าจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจส่งให้มาดูแลคนไทยทุกคน