รีเซต

TIDLOR โบรกฯ ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ หั่นเป้าสู่ 22 บาท

TIDLOR โบรกฯ ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ หั่นเป้าสู่ 22 บาท
ทันหุ้น
18 มกราคม 2567 ( 10:28 )
39

#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ส่องหุ้น TIDLOR การที่บริษัทส่งสัญญาณว่า credit cost จะเพิ่มขึ้น และผลขาดทุนจากการขาย NPA จะเพิ่มขึ้น ทำให้ฝ่ายวิจัยมองบวกน้อยลงกับ TIDLOR ทั้งนี้ จากการที่ราคารถมือสองร่วงแรงในช่วงนี้ โดยเฉพาะรถกระบะมือสอง ทำให้ฝ่ายวิจัยเป็นห่วงว่าต้นทุนในการดูแลคุณภาพสินทรัพย์จะสูงต่อเนื่องในปี 2567 ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการกำไรปี 2566/2567 ลง 3%/9% และ de-rate PE เหลือ 15x (จากเดิม 16.5x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2567F ใหม่ที่ 22 บาท (จากเดิมที่ 27 บาท) พร้อมทั้งปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ

ต้นทุนในการดูแลคุณภาพสินทรัพย์เพิ่มขึ้น TIDLOR เผยว่าคชจ. (credit cost) และผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมาจะเพิ่มขึ้นใน Q4/66 ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทพยายามจะบริหารจัดการสัดส่วน NPL ratio ทำให้ credit cost น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น +/- 3.6% (จากไตรมาสละ 3.1% ใน Q1/66 – Q3/66) ซึ่งจะทำให้ credit cost เต็มปีอยู่ที่ประมาณ 3.2-3.3% ทั้งนี้ credit cost ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับหนี้เสียที่ผิดนัดชำระเป็นเวลา 180 วันแล้ว นอกจากนี้ ราคารถมือสองที่ลดลงอย่างมากทำให้บริษัทต้องบันทึกผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมามากขึ้น ซึ่งผลขาดทุนในส่วนนี้จะถูกบันทึกผ่านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 

 

ต้นทุนการจัดการหนี้ยังคงสูงต่อเนื่องปี 67 ถึงแม้บริษัทจะคาดว่าจะมีผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมามากขึ้น แต่ยังไม่ได้สะท้อนถึงราคารถมือสองที่ปรับลดลงมาอย่างรุนแรงในช่วงนี้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะราคารถกระบะมือสองที่รถลงมากกว่ารถเก๋ง และรถมอเตอร์ไซค์มือสอง ซึ่งตามโครงสร้างสินเชื่อของ TIDLOR สัดส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเก๋งอยู่ที่ 60%, รถกระบะ 18%, และรถมอเตอร์ไซค์ 20% ทั้งนี้ การที่บริษัทมีการปล่อยกู้สินเชื่อรถกระบะสูง สถานการณ์ในปัจจุบันอาจจะบีบให้บริษัทต้องคง credit cost ไว้ที่ระดับสูงในปี 2567 

 

คาดว่ากำไรใน Q4/66F จะอยู่ที่ 904 ลบ. (-10% QoQ, +9% YoY, +4% ในปี 66F) ถึงแม้ว่าความเสี่ยงด้านเครดิต (credit risk) จะสูงขึ้นใน Q4/66 แต่บริษัทยังสามารถปรับเพิ่ม yield สินเชื่อให้ชดเชยความเสี่ยงที่แวดล้อมได้  ดังนั้น yield สินเชื่อจึงทรงตัว แต่ต้นทุนทางการเงินเร่งตัวขึ้น ทำให้ NIM ลดลงเกือบ 30bps ทั้ง QoQ และ YoY ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะผลขาดทุนจากการขายรถที่ยึดมา ซึ่งทำให้สัดส่วนต้นทุน/รายได้ (C/I) เพิ่มขึ้นเป็น 58% (จาก 52-55% ในไตรมาสที่ผ่าน ๆ มา) ส่วน Credit cost ก็เพิ่มขึ้นเป็น 3.6% ใน Q4/66 จากค่าเฉลี่ย 3.1% ในงวด 9M66 ทั้งนี้ TIDLOR บันทึกผลขาดทุนจากการขาย NPA ประมาณ 250 ล้านบาทใน Q3/66 (570 ล้านบาทในงวด 9M66) ซึ่งฝ่ายวิจัยใช้สมมติฐานว่าจะบันทึกอีกประมาณ 300 ล้านบาทใน Q4/66F 

 

ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566F/2567F ลง 3%/9% ฝ่ายวิจัยปรับสมมติฐาน credit cost ปี 2566/2567 เป็นปีละ 3.2% (จากเดิม 3.1%/3.1%), ปรับเพิ่มผลขาดทุนจากการขาย NPA เป็น 877 ล้านบาท/670 ล้านบาท (จากเดิม 700 ล้านบาท/420 ล้านบาท) ในขณะเดียวกัน ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2566/2567 เอาไว้เท่าเดิมที่ 17.5%/15% นอกจากนี้ยัง de-rate PE เหลือ 15x (จากเดิม 16.5x) ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2567F ของฝ่ายวิจัยลดลงเหลือ 22 บาท (จากเดิม 27 บาท)   

 

Risks ราคารถมือสองลดลงไปอีก, NPLs จากสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้น, credit cost สูงขึ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง