#ภควัตจัดให้!! "BBIK" มีดีอะไร ?

- ปี 65 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ และกำไรเติบโต 50% YoY มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของตลาด Digital Transformation ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังหลายๆบริษัทมีการปรับเปลี่ยน model ธุรกิจด้วยการนำ technology digital มาใช้มากขึ้น นอกจากนั้นยังได้อานิสงค์บวกจากการมีผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้มากขึ้น หลังเข้าซื้อบริษัท GMVPI ซึ่งให้บริการปรับปรุงและพัฒนาระบบจัดการงานหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกันนั้นบริษัทได้ทำการขยายธุรกิจไปต่างประเทศมากขึ้นหลังมีการจัดตั้งบริษัท บลูบิค โกลบอล จำกัด ขึ้นมาเพื่อดูแลตลาดต่างประเทศ และ Bluebik Technology Center ในอินเดีย โดยการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าธนาคารและสถาบันการเงินขนาดใหญ่ รวมไปถึงกลุ่ม commerce และ manufacturing เป็นหลัก ซึ่งผู้บริหารตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 15 - 20% (vs 14% ในปี 64) นอกจากนั้นในปีนี้บริษัทจะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก ORBIT เข้ามาเต็มปีเป็นครั้งแรก โดยคาดว่าจะมีรายได้อย่างน้อย 150 ล้านบาท

ในส่วนของความสามารถในการทำกำไรนั้น ผู้บริหารคาดว่า gross margin น่าจะทรงตัวอยู่ในระดับใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 61 – 62% และ net profit margin ที่ 22 – 23% หลังบริษัทยังมี room ที่จะสามารถปรับราคาขึ้นได้ เพราะปัจจุบันคิดราคาต่ำกว่าคู่แข่งอยู่ประมาณ 20 – 30%

- ราคาหุ้นมี upside เพิ่มเติมจากการที่ผู้บริหารยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจ โดยตั้งเป้ามีดีล Joint Venture หรือ M&A เข้ามาอย่างน้อยปีละ 1 ดีล โดยคาดว่าจะมีการปิดดีลบริษัทที่มีระบบ HR Solution ได้เรียบร้อยภายในไตรมาส 2 นี้ 

- ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ 2565PE 63.5 เท่า (EPS 1.03 บาท/หุ้น) สูงกว่าค่าเฉลี่ยนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ 58.2 เท่า

- กราฟราคาหุ้นมีแนวรับ 66.75 - 67.00 บาท แนวต้าน 70.75 - 71.00 / 75.00 บาท (Stop loss ถ้าหลุด 64.00 บาท)