รีเซต

“จุรินทร์”ต่อยอดจับคู่กู้เงิน เฟส3ส่งเสริมเกิดอาชีพแฟรนไชส์ 1หมื่นราย หวังกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก 4,600 ล้านบาท

“จุรินทร์”ต่อยอดจับคู่กู้เงิน เฟส3ส่งเสริมเกิดอาชีพแฟรนไชส์ 1หมื่นราย หวังกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มอีก 4,600 ล้านบาท
มติชน
11 ตุลาคม 2564 ( 13:52 )
40

ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในการเปิดโครงการสร้างรายได้ด้วยแฟรนไชส์ ฝ่าโควิด-19 ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ตระหนักว่าการพลิกฟื้นเศรษฐกิจและการสร้างความเข้มแข็งให้ระบบเศรษฐกิจ ภายใต้วิกฤตโควิด-19 ในปัจจุบันจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะเอสเอ็มอี และไมโครเอสเอ็มอี  ซึ่งส่วนหนึ่งประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ ที่มีการลงทุนตั้งแต่หลัก 2,000 บาทถึง 10 ล้านบาท  โดยปี 2564 มีแฟรนไชส์ของคนไทย 597 แฟรนไชส์ สร้างมูลค่าการตลาดกว่า 300,000 ล้านบาทต่อปี และในจำนวนนี้มีแฟรนไชส์ 557 ธุรกิจ มีเครือข่ายแฟรนไชส์กว่า 42,000 รายทั่วประเทศ เห็นได้ว่าแฟรนไชส์มีส่วนช่วยสร้างอาชีพสร้างรายได้และลดอัตราการว่างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

 

ทั้งนี้ ในการจัดโครงการครั้งนี้ มี 2 กิจกรรม คือ 1.กิจกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ Roadshow ใน 15 จังหวัดทั่วทุกภาค ยกขบวนแฟรนไชส์ไปแสดงและขายลูกช่วง รวม 15 จังหวัด ตลอดเดือนตุลาคมนี้จะช่วยขยายธุรกิจแฟรนไชส์ให้มีบทบาทในภาคเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้น

 

และ 2.จัดกิจกรรมรวมเป็นงานใหญ่ที่อิมแพค เมืองทองธานี ภายใต้กิจกรรม MOC แฟรนไชส์สร้างอาชีพ โดยจัด 5 วัน ช่วงเดือนธันวาคมปีนี้ จะมีแฟรนไชส์กว่า 400 รายเข้าไปร่วม และมีการประชาสัมพันธ์ธุรกิจแฟรนไชส์ และขายลูกช่วงในงานนั้นด้วย ที่สำคัญคือมีการขายลูกช่วงในราคาพิเศษ และมีโครงการจับคู่กู้เงินระหว่างสถาบันการเงินกับแฟรนไชส์ด้วย

 

” ถือเป็นโครงการจับคู่กู้เงินภาค 3 ต่อจาก จับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับร้านอาหาร จับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ผลที่จะเกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมนี้คือช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาซื้อแฟรนไชส์ได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ราย  เกิดการขายลูกช่วง(ไลเซนต์) เฉพาะงานนี้ 1,500 ล้านบาท แต่ทั้งปีกิจกรรมนี้เป็นช่วยกระตุ้นตลาดอีกไม่ต่ำกว่า 4,600 ล้านบาท ที่จะช่วยเศรษฐกิจฐานราก พี่น้องประชาชนคนไทยให้สามารถก้าวผ่านวิกฤติ โควิด-19 ไปได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการบูรณาการการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ฐานรากของประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป ” นายจุรินทร์ กล่าว

 

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมได้รับมอบหมายให้ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเฉพาะธุรกิจภาคบริการให้มีความเข้มแข็งเพื่อเป็นฟันเฟืองและกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งธุรกิจแฟรนไชส์เป็นหนึ่งในธุรกิจบริการที่กรมได้ดำเนินการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพมาอย่างต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 โดยนำธุรกิจแฟรนไชส์มาเป็นทางเลือกในการสร้างอาชีพสร้างรายได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างอาชีพแก่ผู้ว่างงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และสร้างโอกาสการลงทุนให้กับผู้ที่ต้องการมีธุรกิจของตนเอง โดยมีหน่วยงานพันธมิตรในการบูรณาการความร่วมมือในการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์กับกรมเป็นอย่างดี ได้แก่ สมาคมแฟรนไชส์และไลเซนต์ เและสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง