“ทรัมป์” ปิดดีลการค้า “ฟิลิปปินส์” เก็บภาษี 19% แลกเสรีสินค้าอเมริกัน ร่วมมือทางทหาร

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์บน Truth Social ว่า สหรัฐฯ และประเทศฟิลิปปินส์ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้าเรียบร้อยแล้ว โดยเขาระบุว่า เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เพิ่งออกจากทำเนียบขาว พร้อมด้วยคณะผู้แทนจำนวนมากของเขา นี่เป็นการเยือนที่งดงาม และเราก็ได้สรุปข้อตกลงการค้าของเราเรียบร้อยแล้ว โดยฟิลิปปินส์จะเปิดตลาดเสรีกับสหรัฐอเมริกา และจะไม่มีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ โดยฟิลิปปินส์จะจ่ายภาษี 19% สำหรับสินค้าที่ส่งออกมายังสหรัฐ และทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันทางการทหารด้วย
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังระบุอีกว่า “ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้อยู่ร่วมกับประธานาธิบดีมาร์กอส เขาเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพอย่างสูงในประเทศของเขา อย่างที่สมควรได้รับ เขายังเป็นนักเจรจาที่เก่ง กล้าหาญ และแข็งแกร่งอีกด้วย เราขอส่งความปรารถนาดีอย่างสุดซึ้งไปยังประชาชนชาวฟิลิปปินส์ทุกคน”
พร้อมกันนี้ยังเสริมอีกว่า ทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นพันธมิตรในแปซิฟิก และจะครบรอบ 80 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตในปีหน้า จะร่วมมือกันทางทหารด้วย แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ด้านประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้นำจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือกลุ่มอาเซียนคนแรกที่ได้เข้าพบประธานาธิบดีทรัมป์ในวาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง กล่าวต่อผู้สื่อข่าวก่อนเริ่มการประชุมว่า “สหรัฐอเมริกาเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ใกล้ชิด และเชื่อถือได้มากที่สุดของฟิลิปปินส์”
ทั้งนี้อัตราภาษีใหม่นี้ คือ 19 % ลดลงมาจากระดับ 20% ที่ประธานาธิบดีทรัมป์เคยส่งจดหมายขู่ว่าจะเรียกเก็บเมื่อต้นเดือนนี้เล็กน้อย แต่ก็นับว่ายังเป็นตัวเลขที่สูงกว่าอัตรา 17% ที่สหรัฐฯเคยประกาศไว้ในวันที่ 2 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นช่วงแรกที่ประธานาธิบดีทรัมป์เริ่มบังคับใช้ระบบภาษีตอบโต้แบบต่างตอบแทนกับหลายประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ภาษีอัตรา 19% นี้จะเท่ากับที่ใช้กับอินโดนีเซีย แต่ต่ำกว่าเวียดนามซึ่งอยู่ที่ 20% ซึ่งอยู่ในกลุ่มชาติอาเซียนด้วยกัน
นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุอีกว่าตัวเลขที่ใหญ่มากในข้อตกลงทางการค้านี้จะยิ่งใหญ่ขึ้นอีกในอนาคต โดยสหรัฐฯมีดุลการค้าขาดดุลกับฟิลิปปินส์เกือบ 5 พันล้านดอลลาร์ จากมูลค่าการค้าสองฝ่ายที่ 2.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามรัฐบาลทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการค้าระดับโลกด้วยการเก็บภาษีศุลกากรจากเกือบทุกประเทศคู่ค้า โดยเริ่มต้นเรียกเก็บภาษี 10% ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้ว และจะเริ่มเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นมากกับประเทศคู่ค้าต่างที่เกินดุลการค้า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป
นายเกรกอรี โพลิง ผู้เชี่ยวชาญเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษานานาชาติ (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน ให้ความเห็นว่า ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินข้อตกลงการค้ากับฟิลิปปินส์ เนื่องจากยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด เช่นเดียวกับข้อตกลงก่อนหน้านี้กับอินโดนีเซียและเวียดนาม พร้อมให้ความเห็นว่าสุดท้ายแล้ว รัฐบาลฟิลิปปินส์อาจไม่ได้กังวลกับตัวเลขภาษีเท่าใดนัก ตราบใดที่สินค้าของฟิลิปปินส์ยังคงสามารถแข่งขันกับเพื่อนบ้านในภูมิภาคได้ ซึ่งข้อตกลงนี้ก็ยังรักษาความสามารถนั้นไว้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
