หุ้น TURBO เข้าเทรดวันแรกราคาเปิดที่ 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 53.33% จากราคา IPO

#TURBO #ทันหุ้น-หุ้นบริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด(มหาชน) หรือ TURBO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET เป็นวันแรก ราคาเปิดอยู่ที่ 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 53.33% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 1.50 บาท
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TURBO ราคาเปิดอยู่ที่ 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท หรือ 53.33% จากราคา IPO ที่หุ้นละ 1.50 บาท ราคาล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 2.46 บาท เพิ่มขึ้น 0.96 บาท หรือ 64.00% มีมูลค่าการซื้อขาย 855.02 ล้านบาท
TURBO เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียน) สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์) ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสินเชื่อโฉนดที่ดิน และธุรกิจนายหน้าประกันชีวิตและประกันวินาศภัย โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า “เงินเทอร์โบ” ให้บริการผ่าน 996 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ 54 จังหวัดในภูมิภาคหลักของประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อทั้งของสาขาเดิม (Same Store Loan Growth) และสาขาที่ขยายอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มใหม่
ทั้งนี้ TURBO มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 1,335 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 537 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุน 447.78 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมของ บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (KVISION) 89.22 ล้านหุ้น โดยเสนอขายที่ราคาหุ้นละ 1.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนจากหุ้นใหม่ 671.67 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,005 ล้านบาท มีธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทมีแผนจะใช้ขยายธุรกิจทางการเงินเป็นหลัก รวมถึงชำระคืนเงินกู้ธนาคารพาณิชย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
**ทรีนีตี้ ให้ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท
บล.ทรีนีตี้ ออกบทวิเคราะห์หุ้น TURBO ให้ราคาเป้าหมายที่ 2.30 บาท มองว่าภายหลังการระดมทุนแล้วเสร็จ กลุ่มบริษัทจะสามารถนำเงินไปขยายธุรกิจให้สินเชื่อเมื่อบวกกับสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะปรับตัวลง โดยเฉพาะอัตราส่วน Cost-to-income ratio ที่คาดว่าจะปรับตัวลงจากประสิทธิภาพในการปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยต่อสาขาที่เพิ่มขึ้นตามอายุของสาขา และ Credit Cost ที่คาดว่าจะปรับตัวลง เนื่องจากกลุ่มบริษัทเพิ่มความรัดกุมในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น บวกกับได้มีการตัดหนี้สูญและตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนหน้าไปแล้ว
อีกทั้งยังคาดว่าจะเห็นการขาดทุนรถยึดที่ลดลงจากแนวโน้มราคารถมือสองที่สูงขึ้น ส่งผลให้คาดการณ์กำไรในปี 2568 จะเติบโตสูงถึง 250% YoY และกำไรปี 2569 ถึงปี 2570 จะเติบโตเฉลี่ยราวปีละ 23% YoY
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
