ราคาอาหารทั่วโลกพุ่งสูง จากมาตรการภาษีทรัมป์

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 พ.ค.) ว่า ราคาอาหารทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนเมษายน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ โดยดัชนีราคาอาหารของเอฟเอโอ ซึ่งติดตามการเปลี่ยนแปลงรายเดือนของราคาสินค้าอาหารที่ซื้อขายกันทั่วโลกในระดับนานาชาติ อยู่ที่ระดับเฉลี่ย 128.3 จุดในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 1% จากเดือนมีนาคม และเพิ่มขึ้น 7.6% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน
ตามข้อมูลของเอฟเอโอ ราคาของเมล็ดพืชและธัญพืช ผลิตภัณฑ์นม และเนื้อสัตว์ เพิ่มขึ้น แม้ว่าราคาของน้ำตาลและน้ำมันพืชจะลดลงก็ตาม
องค์กรดังกล่าว ระบุว่า ผลกระทบที่รุนแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เกิดขึ้นกับเมล็ดพืชและธัญพืช ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดในดัชนีราคาอาหารของเอฟเอโอ แม้ว่าความต้องการตามฤดูกาล การส่งออกข้าวสาลีจากรัสเซียที่ลดลง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน
ส่วนราคาผลิตภัณฑ์นมพุ่งขึ้น 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และราคาเนื้อสัตว์พุ่งขึ้น 3.2% ในทางตรงกันข้าม ราคาของน้ำมันพืชลดลง 2.3% และราคาน้ำตาลลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยลดลง 3.5% จากเดือนมีนาคม
การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง กำลังสร้างผลกระทบเป็นระลอกต่อการค้าทั่วโลก ส่งผลให้บางประเทศกักตุนสินค้าไว้เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม โดยนักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่งระบุว่า ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้นนี้อาจส่งผลให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าอาหารจำเป็น