IVL โบรกฯ แนะนำ "ถือ" คาด Q3/67 ฟื้น แต่ยังไม่แกร่ง
#ทันหุ้น - บล.เคจีไอ ส่องหุ้น บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL คาดว่ากำไรสุทธิ Q3/67จะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท (+580% YoY, ฟื้นตัวขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 2.30 หมื่นล้านบาทใน Q2/67 เนื่องจาก i) ไม่มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าก้อนใหญ่ถึง 666 ล้านดอลลาร์ฯ (หลังหักภาษี) เหมือนกับใน Q2/67 และ ii) spread ของ PTA, PET และ fiber ดีขึ้นใน Q3/67 ดังนั้น ฝ่ายวิจัยคาดว่า core EBITDA margin ของ IVL จะเพิ่มขึ้น 15% QoQ เป็น US$113/ton ในขณะเดียวกันขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 25.50 บาท จากเดิมที่ 21.50 บาท อิงจาก EV/EBITDA เท่าเดิมที่ 7.0x เพื่อสะท้อนถึง i) การปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ ii) ผลประกอบการที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2568 โดยแม้ฝ่ายวิจัยจะคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นใน Q3/67/ แต่คาดว่ากำไรใน Q4/67 จะลดลง QoQ เพราะอุปสงค์ PET ต่ำตามฤดูกาลในหน้าหนาว ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำถือ IVL
ประมาณการ Q3/67-ปรับประมาณการกำไรเต็มปี-ปรับเพิ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวใน Q3/67 เนื่องจาก spread ของ PTA, PET และ fiber สูงขึ้น โดยกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท (+580% YoY, ฟื้นตัวขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 2.30 หมื่นล้านบาทใน Q2/67) เนื่องจาก i) ไม่มีผลขาดทุนจากการด้อยค่าก้อนใหญ่ถึง 666 ล้านดอลลาร์ฯ (หลังหักภาษี) เหมือนกับใน Q2/67 และ ii) spread ของ PTA, PET และ fiber ดีขึ้นใน Q3/67 โดย spread ของ PTA ในซีกโลกตะวันตกและตะวันออกฟื้นตัวขึ้น 19% QoQ เป็น US$214/ton และ 5% QoQ เป็น US$79/ton ตามลำดับ ในขณะเดียวกัน spread ของ PET ในซีกโลกตะวันตกเพิ่มขึ้น 5% QoQ เป็น US$265/ton และ spread ของ PET ในเอเชียเพิ่มขึ้น 19% QoQ เป็น US$77/ton
นอกจากนี้ spread ของ fiber ยังเพิ่มขึ้นถึง 59% QoQ เป็น US$157/ton ดังนั้นจึงคาดว่า core EBITDA margin ของ IVL จะเพิ่มขึ้น 15% QoQ เป็น US$113/ton แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าบริษัทจะบันทึกผลขาดทุนจากสต็อก 1.6 พันล้านบาท แย่ลงจากที่บันทึกกำไรจากสต็อก 421 ล้านบาทใน Q2/67 หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลง 8% QoQ อยู่ที่ US$78/bbl
ในขณะที่ฝ่ยวิจัยคาดว่าปริมาณยอดขายของ IVL จะแทบไม่เปลี่ยนแปลง QoQ อยู่ที่ 3.60 ล้านตัน เนื่องจากปริมาณยอดขาย PTA ที่ลดลงหักล้างกันไปกับปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้นของ PET และ fiber ทั้งนี้ถึงแม้ว่า spread ของ PTA และ PET จะฟื้นตัวขึ้นใน Q3/67 แต่ spread ของทั้งสองผลิตภัณฑ์ยังไม่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี เพราะยังถูกกดดันจากอุปทานใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมากในช่วงปี 2566-2568
ปรับเพิ่มกำไรปี 68 ขึ้นอีก 10% โดยเฉพาะจาก asset optimization
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยคงคาดว่า IVL จะขาดทุนสุทธิ 1.96 หมื่นล้านบาทในปี 2567 แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ขึ้นอีก 10% เป็น 8.0 พันล้านบาท เนื่องจาก asset optimization หลังจากที่ IVL บันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่า 666 ล้านดอลลาร์ฯ (หลังหักภาษี) ไปแล้วใน Q2/67 ในขณะที่บริษัทได้ทำการปิดโรงงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ และเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแทน นอกจากนี้ ผู้บริหารยังส่งสัญญาณว่าต้นทุนคงที่ของ IVL จะลดลงประมาณ 150 ล้านดอลลาร์ฯ ในปีหน้า จากการปิดโรงงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงปรับเพิ่มสมมติฐาน core EBITDA margin ของบริษัทในปี 2567 ขึ้นอีก 5% เป็น US$96/ton และในปี 2568 ขึ้นอีก 10% เป็น US$116/ton
แต่อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดสมมติฐาน spread ของ PET ในเอเชียปีหน้าลง 12% เหลือ US$75/ton เนื่องจากจะมีอุปทาน PET ก้อนใหญ่เพิ่มเข้ามาในตลาดถึง 4.9MTA ในปี 2567 และอีก 2.9 MTA ในปี 2568 นอกจากนี้ ยังปรับเพิ่มสมมติฐานค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของ IVL ปีนี้ขึ้นอีก 6% เป็น 1.74 หมื่นล้านบาท และปีหน้าขึ้นอีก 4% เป็น 1.64 หมื่นล้านบาทในปี 2567-2568 ตามลำดับ เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยใน 1H67 เพิ่มขึ้น 21% YoY เป็น 8.9 พันล้านบาท
ขยับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 25.50 บาท จากเดิมที่ 21.50 บ.
ทั้งนี้ อิงจาก EV/EBITDA เท่าเดิมที่ 7.0x เพื่อสะท้อนถึง i) การปรับเพิ่มประมาณการกำไร และ ii) ผลประกอบการที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2568 ทั้งนี้ถึงแม้ฝ่ายวิจัยจะคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นใน Q3/67 แต่คาดว่ากำไรใน Q4/67 จะลดลง QoQ เพราะอุปสงค์ PET ต่ำตามฤดูกาลในหน้าหนาว ดังนั้นจึงยังคงคำแนะนำถือ IVL
Risks ความผันผวนของ spread ของ MEG, PTA, PET, fiber, และ integrated oxides & derivatives