8 รัฐมนตรีลาออก เปิดเกมเปลี่ยนสมการอำนาจในรัฐบาลเพื่อไทย

จุดเริ่มต้นของแรงสั่นสะเทือน?
วันที่ 19 มิถุนายน 2568 การเมืองไทยเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อรัฐมนตรีในสังกัดพรรคภูมิใจไทยยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งพร้อมกันถึง 8 คน การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจากคลิปเสียงที่ปรากฏเสียงสนทนา ซึ่งถูกระบุว่าเป็นของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร และสมเด็จฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชา ถูกเผยแพร่ในวงกว้าง จุดประเด็นร้อนด้านความมั่นคงและการทูต ทั้งยังสะท้อนแรงกระเพื่อมภายในรัฐบาลผสม
แม้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ได้กล่าวโดยตรงว่าคลิปเสียงเป็นเหตุผลหลักในการถอนตัว แต่แถลงการณ์พรรคระบุว่า ความไม่สบายใจในเรื่องจุดยืนด้านอธิปไตย และการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์เปราะบาง เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การตัดสินใจดังกล่าว
รายชื่อรัฐมนตรีที่ยื่นใบลาออก
จากข้อมูลที่ได้รับการยืนยันในสื่อกระแสหลัก มีรัฐมนตรี 5 คนที่ระบุชื่ออย่างชัดเจน ได้แก่
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล – รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นายทรงศักดิ์ ทองศรี – รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ – รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
- นางศุภมาส อิสรภักดี – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
อีก 3 รายชื่อยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการในข่าว ณ วันเดียวกัน แต่มีการยืนยันจากแถลงการณ์ของพรรคว่า ได้มีการยื่นใบลาออกครบทั้ง 8 คนแล้ว โดยคาดว่าอาจต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการจากสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือจากพรรคภูมิใจไทยในลำดับถัดไป
การเมืองเปลี่ยนทิศ พรรคแตกแนวร่วม
การลาออกครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการวางมือจากตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคหนึ่งในรัฐบาลผสม แต่เป็นการถอนตัวทางการเมืองอย่างชัดเจนของพรรคภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลแพทองธาร การเคลื่อนไหวนี้มีผลกระทบในทันทีต่อสมดุลเสียงในสภา เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยมีจำนวน สส. มากพอที่จะกำหนดทิศทางการโหวตสำคัญ เช่น การพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ หรือแม้แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจในอนาคต
ภายใต้สถานการณ์ที่คลิปเสียงยังไม่คลี่คลาย และความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองและกองทัพยังปะทุอยู่ การถอนตัวของพรรคภูมิใจไทยจึงกลายเป็นเครื่องชี้วัดถึงระดับความเปราะบางของรัฐบาลปัจจุบัน
ทางแยกของนายกรัฐมนตรี
ขณะเดียวกัน แรงกดดันจากหลายฝ่าย รวมถึงข้อเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยังคงถาโถมสู่แพทองธาร ชินวัตร แม้เจ้าตัวจะออกแถลงยืนยันว่าเจตนาในการสื่อสารกับผู้นำกัมพูชาเป็นไปเพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน แต่บรรยากาศทางการเมืองภายในกลับยิ่งตึงเครียดขึ้น
การที่พรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย ต้องเผชิญแรงกดดันจากทั้งพรรคร่วม ฝ่ายค้าน และประชาชนในเวลาเดียวกัน ทำให้สถานการณ์ขณะนี้ไม่ต่างจากการอยู่ในภาวะ “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” ซึ่งต้องอาศัยความสามารถในการประคับประคอง และการเจรจาทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง
ภูมิธรรมมั่นใจไร้รัฐประหาร เดินหน้าปรับ ครม. หลังคลิปเสียงคลี่คลาย
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความมั่นใจว่าสถานการณ์ความเปราะบางทางการเมืองในขณะนี้จะไม่บานปลายถึงขั้นเกิดรัฐประหาร โดยย้ำว่ากองทัพไม่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในทิศทางนั้น พร้อมมองว่ากระแสเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกหลังกรณีคลิปเสียง เป็นเพียงแรงกดดันที่มุ่งลดทอนเสถียรภาพของรัฐบาลมากกว่าจะเสนอทางออกเชิงหลักการ รัฐบาลจึงยังเดินหน้าทำงานต่อไปและเตรียมปรับคณะรัฐมนตรีหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดยให้น้ำหนักกับความมั่นคงของชาติเป็นลำดับแรก ขณะที่การส่งหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการไปยังกัมพูชาถือเป็นการใช้กลไกทางการทูตตอบสนองต่อเหตุการณ์ เพื่อรักษาสมดุลในประเทศและความเชื่อมั่นบนเวทีระหว่างประเทศไม่ให้ถดถอยไปมากกว่านี้
สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้
ในทางการเมือง การลาออกของรัฐมนตรีพร้อมกัน 8 คนในวันเดียว เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยในประวัติศาสตร์ไทย และอาจนำไปสู่การปรับ ครม. ครั้งใหญ่ หรือแม้กระทั่งการทบทวนบทบาทของนายกรัฐมนตรีเอง
ความเคลื่อนไหวจากพรรคภูมิใจไทยในครั้งนี้จึงมีนัยทางยุทธศาสตร์สูง ทั้งในเชิงต่อรองทางการเมือง และการวางหมากในระยะยาว หากวิกฤตภายในรัฐบาลยืดเยื้อ อาจนำไปสู่การยุบสภาหรือเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยในระดับโครงสร้างอีกครั้ง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
