รีเซต

คลื่นความร้อนถล่มสหรัฐฯ และนี่กำลังกลายเป็น “เรื่องปกติ”

คลื่นความร้อนถล่มสหรัฐฯ และนี่กำลังกลายเป็น “เรื่องปกติ”
TNN ช่อง16
30 มิถุนายน 2568 ( 12:00 )
11

สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนรุนแรงครั้งใหญ่ในช่วงต้นฤดูร้อนปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วประเทศ ตั้งแต่เหตุการณ์นักเรียนเป็นลมจำนวนมากในนิวเจอร์ซีย์ การยกเลิกคอนเสิร์ตในวอชิงตัน ดี.ซี. ไปจนถึงการช่วยเหลือนักเดินป่าที่ติดอยู่ในนิวแฮมป์เชียร์ และเหตุการณ์ถนนลาดยางในเซาท์ดาโคตาและเนบราสก้าที่ร้อนจนละลาย นอกจากนี้ ผู้โดยสารรถไฟ Amtrak ยังต้องติดอยู่ในอุโมงค์ที่บัลติมอร์โดยไม่มีระบบปรับอากาศ ขณะที่บริการรถไฟใต้ดินในนิวยอร์กบางส่วนถูกระงับ รวมถึงในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐฯ รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านไฟฟ้า ในขณะที่รัฐจอร์เจียแนะนำให้ประชาชนดูแลสัตว์เลี้ยงด้วยการจัดหาน้ำและพื้นที่ร่ม 

เหตุการณ์เหล่านี้เป็นผลจากอุณหภูมิที่สูงผิดปกติในช่วงต้นฤดูร้อน ซึ่งบางพื้นที่ในสหรัฐฯ ได้เผชิญกับความร้อนจัดที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบหลายทศวรรษ ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์อากาศของ NOAA ระบุว่าเกือบ 130 ล้านคนทั่วประเทศตกอยู่ในสถานะเตือนภัยความร้อนสูงสุด หรือคำเตือนความร้อนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเมืองต่าง ๆ กว่า 282 แห่งทำลายสถิติอุณหภูมิสูงสุดประจำวัน และอีก 121 แห่งเทียบเท่ากับสถิติเดิม ขณะที่วันที่อุณหภูมิสูงที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาในฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ มีอย่างน้อย 50 เมืองทำลายสถิติความร้อนใหม่ รวมถึงนิวยอร์กซิตี้ที่ร้อนที่สุดตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา


นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศอธิบายว่า คลื่นความร้อนครั้งนี้เกิดจาก “โดมความร้อน” ที่เป็นผลมาจากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของขั้วโลกเหนือ ซึ่งส่งผลให้กระแสลมเจ็ตสตรีมมีความโค้งงอผิดปกติ และทำให้อากาศร้อนและลมพายุฝนหนักติดอยู่ในพื้นที่เดิมนานขึ้น ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดคลื่นความร้อนเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงน้ำท่วมตามมาอีกด้วย

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences พบว่า รูปแบบอากาศที่เกิดขึ้นเช่นนี้เกิดขึ้นมากขึ้นถึงสามเท่าตลอด 70 ปีที่ผ่านมา และการศึกษานี้เป็นครั้งแรกที่แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎี แต่กำลังเกิดขึ้นจริงและจะรุนแรงขึ้นตามภาวะโลกร้อนที่เพิ่มขึ้น

ข้อมูลจาก Climate Central ระบุว่า อุณหภูมิสูงผิดปกติในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์เป็นต้นเหตุ ทำให้เหตุการณ์คลื่นความร้อนเช่นนี้มีโอกาสเกิดสูงขึ้นถึง 5 เท่า โดยนักวิทยาศาสตร์จาก Climate Central ชี้ให้เห็นว่า คลื่นความร้อนในช่วงต้นฤดูร้อนปีนี้เป็นสัญญาณเตือนชัดเจนถึงผลกระทบของภาวะโลกร้อนที่ทำให้เหตุการณ์อากาศสุดขั้วและรุนแรงเกิดบ่อยครั้งขึ้น และภายในกลางศตวรรษนี้ คลื่นความร้อนลักษณะนี้จะกลายเป็นเรื่องปกติ พร้อมกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอีกหลายเท่า

สถาบันแพทย์อเมริกัน (American Medical Association) รายงานว่า ในช่วง 14 ปีตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2023 มีผู้เสียชีวิตจากความร้อนสูงถึงเกือบ 22,000 คน ซึ่งสูงกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติประเภทอื่น ๆ นอกจากความรุนแรงที่ส่งผลต่อชีวิตแล้ว ความร้อนจัดยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม รวมถึงสุขภาพจิตและผิวหนังอย่างชัดเจน ผู้เชี่ยวชาญจากนิวยอร์กเผยว่า การสัมผัสความร้อนอย่างต่อเนื่องทำลายระบบป้องกันความชุ่มชื้นของผิว ส่งผลให้ผิวขาดน้ำ เกิดการอักเสบและปัญหาผิวอย่างรุนแรง เช่น รอยแดงเรื้อรัง เส้นเลือดขยายตัวผิดปกติ นอกจากนี้ ความร้อนยังส่งผลต่อสมาธิ ทำให้เกิดความหงุดหงิดและอารมณ์แปรปรวน เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานเพื่อควบคุมอุณหภูมิ อีกทั้งการผลิตเมลาโทนินลดลงซึ่งส่งผลต่อการนอนหลับ คุณภาพของสมองอาจลดลงจนเกิดความสับสนและเป็นลมได้

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อวิถีชีวิตผู้คนอย่างชัดเจน จึงจำเป็นที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้และปรับตัวให้พร้อมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยข้อมูลจากมหาวิทยาลัยเมนชี้ว่า ในช่วงปี 1979 ถึง 2000 อุณหภูมิเฉลี่ยในซีกโลกเหนือจะสูงกว่า 21°C เป็นเวลาประมาณ 5 สัปดาห์ในเดือนกรกฎาคม แต่ในปีที่ผ่านมา ซึ่งร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกมา อุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 21°C นานตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนจนถึงต้นเดือนกันยายน และข้อมูลจาก EPA ยังแสดงให้เห็นว่า คลื่นความร้อนในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มยาวนานขึ้น บ่อยครั้งขึ้น และรุนแรงมากขึ้น นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศจากสถาบัน ETH Zurich ให้ความเห็นว่า เหตุการณ์คลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นในปีนี้เป็นสิ่งผิดปกติอย่างมากเมื่อเทียบกับศตวรรษที่แล้ว และเป็นสัญญาณชัดเจนว่าภาวะโลกร้อนกำลังเปลี่ยนแปลงโลกเราในทางที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง