KAssetผนึกJ.P.Morganต่อยอด ปั้นพอร์ตแกร่ง-เล็งSET1,520จุด
#KAsset #ทันหุ้น - KAsset ผนึกพันธมิตร J.P. Morgan เปิดตัวบทวิจัย KCMA มุ่งเสนอมุมมองการลงทุนเพื่อวางแผนแบบระยะยาว 10-15 ปี พร้อมกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ช่วยเปิดโอกาส และลดความผันผวนให้กับพอร์ต ทำให้การลงทุนมีความสมดุลไม่เหวี่ยงขึ้น-ลงแรง ผ่านกลุ่มกองทุน Wealth PLUS ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4-6% ประเมินลงทุน 10-15 ปี หุ้นโลกทำผลตอบแทนที่ 7% ส่วนหุ้นไทยได้เพียง 5%ส่วนใจรักไทยเน้นหุ้นจ่ายปันผล ให้เป้าดัชนีปี 2568 ไว้ที่ 1,520 จุด
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด หรือ บลจ.กสิกรไทย (KAsset) เปิดเผยว่า ได้เปิดตัวบทวิจัย "KAsset Capital Market Assumptions" (KCMA) ประจำปี 2568 เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือกับ J.P. Morgan Asset Management เพื่อนำเสนอมุมมองเชิงลึกที่ครอบคลุมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ผลตอบแทน และความเสี่ยงของสินทรัพย์กว่า 100 ประเภท ในระยะเวลา 10-15 ปีข้างหน้า พร้อมด้วยกลยุทธ์การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) และโซลูชันการลงทุนตามช่วงอายุ (Life Path Solutions) เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจลงทุนในระยะยาว
ซึ่งงานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เช่นเดียวกันกับประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างหลายประการ เช่น ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ และภาระหนี้ครัวเรือนสูง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบต่อผลตอบแทนการลงทุนในตลาดการเงิน ทั้งในและต่างประเทศ
@หุ้นไทยผลตอบแทนต่ำ
จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี ที่ผ่านมา ในช่วงปี 2557-2567 หุ้นไทยได้ให้ผลตอบแทนเพียงแค่ 1.8% ต่อปี มีค่าความเสี่ยงอยู่ที่ 20% ต่อปี ขณะที่หุ้นโลกให้ผลตอบแทน 9.8% ต่อปี มีค่าความเสี่ยง 15% ต่อปี
ดังนั้นการที่กระจายลงทุนไปต่างประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่เพิ่มผลตอบแทนแต่ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านการลงทุน นอกจากนี้ยังพบว่าการจัดพอร์ตการลงทุนไม่มีสินทรัพย์ไหนให้ผลตอบแทนเป็นบวกหรือเป็นที่หนึ่งตลอดเวลา ดังนั้นการกระจายลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์จะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้ผลตอบแทนมีเสถียรภาพมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม สถิติเป็นเพียงตัวเลขในอดีต ซึ่งการลงทุนในสภาวะจริงจะต้องเผชิญความไม่แน่นอนมากมาย ดังนั้นจึงคาดหวังว่า KCMA ที่เป็นความร่วมมือระหว่างเราและ J.P. Morgan เพื่อพัฒนาบทวิจัย จะเป็นตัวช่วยในการลงทุนระยะยาว”
@จัดพอร์ตลงทุน
โดยทาง KAsset ได้ร่วมมือกับทาง J.P. Morgan ในการจัดพอร์ตการลงทุนกลุ่ม Wealth PLUS ทั้งหมด 3 กองทุน ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4-6% ต่อปี ได้แก่ กองทุนความเสี่ยงต่ำ K-WPBALANCE สัดส่วนการลงทุน หุ้น 30%, ตราสารหนี้ 70% คาดให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.01% ต่อปี, กองทุนความเสี่ยงปานกลาง K-WPSPEEDUP สัดส่วนการลงทุน หุ้น 65%, ตราสารหนี้ 35% คาดให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.96% ต่อปี และกองทุนความเสี่ยงสูง K-WPULTIMATE สัดส่วนการลงทุน หุ้น 85%, ตราสารหนี้ 25% คาดให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.61% ต่อปี
ซึ่งหากมองการลงทุนไปยังอนาคตอีก 10-15 ปี คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นโลกจะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 7% ขณะที่หุ้นไทยจะอยู่ที่ 5% ดังนั้นจึงแนะนำให้กระจายไปยังสินทรัพย์ทั่วโลก แม้ว่าผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุน Wealth PLUS อยู่ 4-6% ต่อปี น้อยกว่าผลตอบแทนหุ้นโลกในอดีตที่ทำได้ 9.8% ต่อปี เนื่องจากมูลค่าของราคาหุ้นโลกจะมีการปรับตัวที่สูงขึ้นทำให้การเติบโตถูกจำกัด โดยให้สัดการลงทุนหุ้นไทยอยู่ที่ 2%
อย่างไรก็ดีได้ประเมินเป้าดัชนีหุ้นไทยปี 2568 ไว้ที่ 1,520 จุด โดยหุ้นไทยมีจุดเด่นเรื่องการจ่ายเงินปันผล ดังนั้นในระยะยาวควรเลือกลงทุนในกลุ่มหุ้นที่จ่ายปันผลสูง ซึ่งมีหลากหลายอุตสาหกรรม ตัวอย่างเช่น กลุ่มธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์, สื่อสาร,พลังงาน เป็นต้น