เอ็กซิม แบงก์ เตรียมระดมทุน “กรีนบอนด์” วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้าน ก.ย. นี้
วันที่ 29 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิม แบงก์) ให้การต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี พร้อมนำชมนิทรรศการ “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย สร้างโลกสะอาดด้วยพลังงานที่ยั่งยืน” ของ เอ็กซิม แบงก์
จากนั้น นำเสนอแนวทางการดำเนินงานของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (อีเอ) ลูกค้าของธนาคาร ที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจรใหญ่ที่สุดในอาเซียน กำลังการผลิตขนาด 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี เพื่อป้อนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
โดยนายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ เอ็กซิม แบงก์ กล่าวว่า การสนับสนุนโครงการลงทุนด้านพลังงานสะอาดของ เอ็กซิม แบงก์ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในระยะยาว ทั้งด้านต้นทุนการผลิต การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิต การตอบสนองความต้องการผู้บริโภค และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลก โดยสอดคล้องกับกฎ ระเบียบ และมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในระหว่างปรับตัวไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เอ็กซิม แบงก์ จึงเร่งขยายความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนลูกค้าที่มีศักยภาพ เพื่อร่วมกันสร้างเศรษฐกิจ บีซีจี ที่สอดรับการพัฒนาทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเมกะเทรนด์ของโลก โดย เอ็กซิม แบงก์ มีโครงการระดมทุนผ่าน กรีนบอนด์เพื่อสนับสนุนธุรกิจสีเขียวหรือธุรกิจที่ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท อายุ 3-5 ปี ทั้งนี้ เอ็กซิม แบงก์ อยู่ระหว่างจัดตั้งกรอบการระดมทุนเพื่อความ รวมทั้งกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับ กรีนบอนด์ ที่จะออกในช่วงเดือนกันยายน 2565
นายรักษ์ กล่าวว่า นับแต่เปิดดำเนินงานอย่างเป็นทางการในปี 2537 เอ็กซิม แบงก์ ได้ขยายการสนับสนุนการค้าและการลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ โดยเริ่มต้นสนับสนุนโครงการพลังงานสะอาดจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว ต่อมาได้ขยายการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยพัฒนาการใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์ เศษวัสดุการเกษตร ขยะเหลือทิ้ง ความร้อนใต้พิภพ และลม มาสร้างพลังงาน เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นและเมียนมา โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในญี่ปุ่น โรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม โดย เอ็กซิม แบงก์ มีความพร้อมในการเข้าไปเติมเต็มช่องว่างทางการเงิน โดยเฉพาะในระยะแรกของโครงการที่ธนาคารพาณิชย์ยังไม่สามารถรับความเสี่ยงได้ นอกจากนี้ เอ็กซิม แบงก์ ยังเป็นผู้ริเริ่มพัฒนา อีโค่ ซิสเต็ม ตลาดคาร์บอน ด้วยสินเชื่อเพื่อลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์บนหลังคา วงเงินกู้ 7 ปี ให้กู้ 100% ของเงินลงทุนเพื่อชำระผู้รับเหมาเมื่อติดตั้งเสร็จ อัตราดอกเบี้ยต่ำสุด 2.75% ต่อปี พร้อมสิทธิขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต และสิทธิยกเว้นภาษี 50% ของเงินลงทุนเป็นเวลา 3 ปีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อช่วยกิจการประหยัดค่าไฟและแก้ปัญหาโลกร้อน โดยมี เอ็กซิม แบงก์ ทำหน้าที่เชื่อมโยงผู้ซื้อกับผู้ขายและหน่วยงานกำกับดูแลเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร พร้อมทั้งร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้งและกรรมการสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE100 Thailand Club) เครือข่าย Thailand Carbon Neutral Network และ Carbon Markets Club
“นับเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษที่ เอ็กซิม แบงก์ ได้ดำเนินบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย เชื่อมโยงการพัฒนาในมิติเศรษฐกิจกับสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยสนับสนุนโครงการลงทุนด้านพลังงานสะอาดจำนวนรวม 254 โครงการในไทย CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และญี่ปุ่น มูลค่าโครงการลงทุนรวม 370,000 ล้านบาท ลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 100 ล้านตัน ทั้งนี้ เป็นผลจากความพร้อมของ เอ็กซิม แบงก์ ในการรับความเสี่ยงมากกว่าธนาคารพาณิชย์ ให้กำเนิดอุตสาหกรรมใหม่ และสนับสนุนทุนไทยไปต่างแดน เพื่อซ่อม สร้าง เสริม และสานพลังการพัฒนาประเทศไทยและประชาคมโลกโดยรวม” นายรักษ์ กล่าว