รีเซต

ส.ส.เต้ แจงแค่หยอกล้อกระทืบ 'ทนายเดชา' ฮึ่มแจ้งกลับข้อหาดักฟังมือถือ

ส.ส.เต้ แจงแค่หยอกล้อกระทืบ 'ทนายเดชา' ฮึ่มแจ้งกลับข้อหาดักฟังมือถือ
มติชน
30 พฤษภาคม 2565 ( 12:07 )
97
ส.ส.เต้ แจงแค่หยอกล้อกระทืบ 'ทนายเดชา' ฮึ่มแจ้งกลับข้อหาดักฟังมือถือ

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีการพูดจาข่มขู่จะกระทืบนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความที่พูดพาดพิงคดีน.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโมว่า เป็นแค่การหยอกล้อ การใช้คำไม่สุภาพเพราะคุยกันในฐานะเพื่อน ขณะนี้พรรคไทยศรีวิไลย์มารับผิดชอบคดีแล้ว บางทีการออกความเห็นทำนองข่มขู่โจทก์ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่แตงโมก็อายุมากแล้ว อยากให้ออกความเห็นเชิงวิชาการที่ไม่กระทบคดีมากกว่า ไม่เช่นนั้นจะผิดมารยาททนายความ

 

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า ตั้งแต่แรกที่ตนตั้งทีมทนายความขึ้นมาดูแลคดีก็หมิ่นประมาทว่าเป็นคณะตลก แต่เห็นว่าเป็นเพื่อนกัน จึงไม่อยากดำเนินคดีทางกฎหมายหรือมารยาททนายความ ส่วนที่บอกจะใช้วิถีทางการเมืองจัดการ ยังไม่หยุดวุ่นวายในคดีนั้น ไม่อยากขยายความ แต่ตนมีสมาชิกพรรคเป็นหมื่นคน ถ้าไม่พอใจขึ้นมาอาจไปประท้วงได้ หรือหากมีสมาชิกพรรคไปแจ้งความดำเนินคดีในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ไม่อยากให้ลำบากกัน ขอร้องนายเดชาถ้าไม่จำเป็นอย่าออกมาให้ความเห็น ถ้าไม่สบายใจจะส่งไวน์ไปให้กินสัปดาห์ละขวด

 

 

เมื่อถามว่า นายมงคลกิตติ์ถูกมองมีพฤติกรรมกร่างใช้อำนาจส.ส.ข่มขู่ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นส.ส.ก็มีอยู่แล้ว ปกติถ้าคนไม่รักชอบพอกัน จะไม่คุยกัน การที่นายเดชาจะดำเนินคดีกับตนข้อหาข่มขู่นั้น การคุยโทรศัพท์กัน 2 คน มีกฎหมายระบุชัดเจนว่า การเอาข้อความที่โทรคุยกัน 2 คนไปเปิดเผย มีความผิดฐานดักฟังโทรศัพท์ตามประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายเกี่ยวกับโทรเลขและโทรศัพท์ มาตรา 24 มีโทษจำคุก 6 เดือน ถือว่ามีความผิดแน่ถ้าเอาข้อความที่โทรคุยกันไปเผยแพร่ โดยตนไม่อนุญาต

 

“และตามคำพิพากษาศาลฎีกา การบันทึกเสียงไม่สามารถนำไปดำเนินการอะไรได้ เพราะได้ข้อมูลมาโดยทุจริต การที่นายเดชาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะถูกข่มขู่นั้น ขอรับรองความปลอดภัย ตนก็ไม่ได้บอกจะทำอะไรนายเดชา แค่บอกว่าถ้าเป็นคนอื่น ผมจะไม่มาคุยกับพี่แบบนี้ ผมจะไม่เตือนอีก” นายมงคลกิตติ์ กล่าว

 

นอกจากนี้ นายมงคลกิตติ์ ยังกล่าวว่า กรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมข่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เคยบอกว่า บังแจ็คเป็น 18 มงกุฎ แต่ยังมาร่วมงานด้วยว่า บังแจ๊คไม่ได้มาร่วมงาน แค่มาตรวจพยานหลักฐาน ถ้าเป็นพยานหลักฐานสำคัญต้องรับไว้ ขอให้ผ่านชั้นศาลชั้นต้นไปก่อน เรื่องส่วนตัวค่อยมาว่ากันอีกครั้ง ซึ่งไม่ถือว่าย้อนแย้ง โดยต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับคดีให้ออก อย่าผิดใจระหว่างทาง จะทำให้หลักฐานไม่ครบ คดีไม่สมบูรณ์ ทั้งนี้ แม้บังแจ็คแม้จะมีคดีมากมาย แต่คดีก็ยังไม่ถึงที่สุด ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ การไปกล่าวหาว่าเป็น 18 มงกุฎ ดูเป็นการหมิ่นสิทธิเสรีภาพมากไป

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง