“No Spend Challnge” ภารกิจพิชิตเป้าหมายการเงิน

”No Spend Challenge” หรือภารกิจ “เอาชนะใจ ไม่ใช้เงิน” ภารกิจที่ตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ซึ่งมันอาจจะฟังดูแปลก ๆ ไปสักหน่อยสำหรับคนทั่วไป ที่ส่วนใหญ่จะมีภารกิจเพื่อต้องการสิ่งของอะไรบางอย่างตอบแทน แล้ว ”No Spend Challenge” คืออะไร มีความสำคัญกับชีวิตของเราอย่างไร
คนทั่ว ๆ ไปอาจจะคุ้นเคยกับการทำภารกิจ หรือการอดทนทำอะไรบางอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายส่วนบุคคล เช่น การทำภารกิจอดออมเงินเพื่อสิ่งของที่อยากได้ ซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ดาวน์รถป้ายแดง หรือแม้กระทั่งการได้ไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ เป็นต้น
แต่ในปัจจุบันก็มีกระแสของภารกิจที่หลายคนอาจจะมองว่าเป็นภารกิจสุดแปลก นั่นก็คือ “No Spend Challenge” หรือบางคนเรียกภารกิจนี้ว่า “No Buy 2025” ซึ่งฟังดูแล้วก็ไม่น่าจะเป็นภารกิจ หรือการตั้งเป้าหมายอะไรที่มีความซับซ้อน เพราะสามารถสื่อความหมายออกมาได้อย่างตรงตัวว่าเป็นภารกิจในการอดทน เอาชนะใจตัวเองด้วยการ “ไม่ใช้เงิน” ซึ่งพอฟังมาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนก็อาจจะยิ่งงกันไปใหญ่ว่าการอดทนไม่ใช้เงิน มันเป็นภารกิจได้ด้วยหรือ แล้วการที่เราไม่ใช้เงินมันจะส่งผลกระทบกับการดำรงชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ของเรามากเกินไปหรือเปล่า
เราต้องมาทำความเข้าใจถึงที่มาที่ไปของภารกิจแปลก ๆ นี้กันก่อน No Buy 2025 คือเทรนด์การเงินส่วนบุคคลที่ผู้คนให้ความสนใจกับประเด็นในการหลีกเลี่ยงการใช้เงินกับของที่ไม่จำเป็น หรือใช้เงินกำสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตเท่านั้น ซึ่งจะมีการกำหนดภารกิจที่มีกรอบระยะเวลาเป็นเดือน หรืออาจจะตลอดทั้งปีเลยก็ได้
ยกตัวอย่างเช่นภารกิจ "No Buy July" ซึ่งก็จะเป็นการกำหนดภารกิจไม่ใช้จ่ายเงินที่ไม่จำเป็นในช่วงระเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของที่อยากได้กลับบ้านตอนที่เดินผ่านร้านในห้างสรรพสินค้า การซื้อสินค้าออนไลน์แบบไม่จำเป็น หรือไม่ทันคิด แล้วหันกลับมาสนใจเฉพาะการใช้เงินกับสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ
ซึ่งเทรนด์นี้ก็ไม่ใช่กระแสเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่มีการจัดตั้งกลุ่มในสื่อสังคมออนไลน์ ที่มีการตั้งเป้าหมายร่วมกันในการ “ไม่ใช้เงิน” ซื้อของที่ไม่จำเป็นเลยตลอดทั้งปี 2025 จนมีสมาชิกมากกว่า 70,000 คน ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ และเคล็ดลับส่วนตัว ซึ่งก็มีแนวโน้มที่สมาชิกกลุ่มจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
หรือบางกลุ่มก็จะกำหนดภารกิจโดยใช้โครงสร้างของรายได้มาเป็นตัวกำหนด เช่นการกำหนดภารกิจไม่ซื้อของ ในช่วงเดือนที่มีแนวโน้มรายได้ต่ำที่สุด หรือโลว์ซีซั่น สำหรับผู้ที่ไม่ได้มีรายได้ประจำ หรือการกำหนดภารกิจไม่ซื้อของในช่วงเดือนที่ได้เงินโบนัส หรือค่าคอมมิชชั่นก้อนใหญ่ เพื่อเป็นการชะลอการตัดสินใจการใช้จ่ายเงินออกไป จากในช่วงเวลาที่เราเพิ่งได้รับเงินเข้ามาเป็นจำนวนมากกว่าปกติ ก็จะใช้อารมณ์ หรือความรู้สึกมากกว่าเหตุผลในการใช้เงิน ซึ่งการชะลอการตัดสินใจออกไปนั้น ก็อาจจะช่วยให้เราใช้เหตุผลในการตัดสินใจที่มากขึ้น หรือเมื่อเวลาผ่านไป ความต้องการในของ หรือสินค้าบางอย่างอาจจะลดน้อยลงไปเอง ซึ่งถึงแม้ว่าเดือนนี้อาจจะไม่ใช่เดือนที่ห้ามซื้อของ แต่เราก็อาจจะใช้จ่ายลดลลงจากความต้องการสิ่งของที่ลดลงไป เมื่อเวลาได้ผ่านไป
ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวางแผนการเงินได้ออกมาให้ความเห็นกับภารกิจเหล่านี้ ว่าเป็นความท้าทายที่ช่วยให้คนจำนวนไม่น้อยสามารถที่จะรีเซ็ตนิสัย หรือระบบการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี โดยที่ยังสามารถคงระดับของมาตรฐานการใช้ชีวิตที่เป็นปกติ เพราะภารกิจเหล่านี้ไม่ได้ห้ามการใช้จ่าย แต่เพียงไม่ให้ใช้จ่ายตอนนี้ เพื่อให้มีเวลาในการตัดสินใจมากขึ้น ใช้เหตุผลมากขึ้น รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความชัดเจนในลำดับความสำคัญทางการเงิน และสามารถเพิ่มเงินออม หรือลงทุนเพื่อเป้าหมายทางการเงินไปพร้อมกัน
และที่สำคัญสิ่งที่ทำให้ความท้าทายทางด้านการเงินนี้เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น มีเหตุผลจากสาเหตุในเรื่องของจิตวิทยา เพราะภารกิจดังกล่าวสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายที่เคยตัว หรือการซื้อของโดยโดยไม่สมเหตุสมผลอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะช่วยให้เราสร้างกระบวนการความคิดในการใช้จ่ายเงินที่มีเหตุผล และซับซ้อนมากขึ้น
และในอีกประเด็นที่สำคัญคือเมื่อมีการจัดตั้ง หรือรวมกลุ่มกันเพื่อกำหนดภารกิจ และแลกเปลี่ยนเคล็ดลับวิธีการร่วมกัน ก็ยิ่งจะทำให้ความท้าทายนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเราจะไม่รู้สึกกดดัน หรือโดดเดี่ยวเวลาที่ต้องอดทนห้ามใจตัวเอง แต่มีพื้นที่ในการที่ให้เราเข้าไปพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดจนการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อให้สามารถทำภารกิจได้สำเร็จไปพร้อมกัน
ฟังมาถึงตรงนี้แล้ว หลาย ๆ คนก็อาจจะเกิดความสนใจ หรืออยากจะลองทำภารกิจที่มีความท้าทายกับตัวเองดูบ้าง ซึ่งก็สามารถเริ่มได้ทันทีด้วยตัวคุณเอง โดยในระยะเริ่มต้นนั้นก็อาจจะกำหนดกฎกติกาสำหรับภารกิจให้กับตัวเอง เช่นการกำหนดช่วงเวลาในการที่จะไม่ซื้อของ ซึ่งอาจจะเริ่มเป็นรายสัปดาห์ก่อนก็ได้ ก่อนที่จะขยายเวลาไปเป็นหลักเดือน และกำหนดการใช้จ่ายให้ชัดเจนว่าจะไม่ซื้อของ หรือสินค้าอะไรที่ไม่มีความจำเป็น หรืออาจจะเกินกว่าความต้องการในปัจจุบัน เป็นต้น
และในระยะถัดไป เมื่อเราสามารถบรรลุภารกิจในช่วงสั้น ๆ หรืออาจจะมีข้อจำกัดที่ไม่ได้เยอะมากมาแล้ว ก็อาจจะพัฒนา หรือเพิ่มความเข้มข้นในภารกิจเข้าไปได้ เช่นการเพิ่มระยะเวลาจากสัปดาห์ ไปเป็นเดือน เพิ่มความถี่จากหนึ่งสัปดาห์ต่อเดือนเป็นสองสัปดาห์ หรือเดือนเว้นเดือน รวมถึงเพิ่มข้อจำกัดในประเภทสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็จะสามารถทำให้เราพัฒนานิสัยการใช้จ่ายให้เป็นระบบมากขึ้นในระยะเวลาอันสั้น แต่สิ่งที่ควรระวังคือการที่เราจำเป็นที่จะต้องซื่อตรงกับตัวเองอย่างมาก ไม่ใช่ว่าทำภารกิจไม่ซื้อในเดือนนี้สำเร็จ แต่เดือนถัดไปที่ไม่มีภารกิจก็กลับมาใช้จ่ายเงินโดยไม่มีความจำเป็นเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่สูงกว่าปกติ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ภารกิจที่เราทำผ่านมานั้น หมดความหมาย
และแน่นอนว่าเมื่อเราสามารถบรรลุภารกิจไม่ซื้อได้อย่างต่อเนื่อง ทำได้นานขึ้น มากขึ้น จนสามารถสร้างนิสัย หรือพฤติกรรมการใช้เงินที่มีเหตุผล และเหมาะสมกับความจำเป็นมากขึ้น ก็จะส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดแสดงผลขึ้นมา นั่นก็คือเราจะเหลือกระแสเงินสดจากการใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการต่อยอดไปสู่เงินทุนในการวางแผนทางการเงินอย่างเป็นระบบ
ไม่ว่าจะเป็นการชำระภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยสูง ๆ ได้เพิ่มสูงขึ้น มีเงินเก็บออมเพื่อเป้าหมายในอนาคตที่สำคัญกว่า เช่นการเพิ่มความคุ้มครองสุขภาพ หรือเป็นเงินทุนที่ใช้สำหรับการลงทุนเพื่อวัยเกษียณ เป็นต้น
จากภารกิจเล็ก ๆ ในการเอาชนะใจในการใช้จ่ายที่เชื่อว่าไม่ได้ยากเกินไปสำหรับใครหลาย ๆ คน ก็สามารถกลายเป็นการสร้างวินัยทางการเงิน ต่อยอดการออม การลงทุน และสามารพัฒนาไปสู่การวางแผนทางการเงิน เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่จะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความมั่งคั่ง มั่นคง เป็นหลักประกันที่สำคัญให้กับชีวิตของเราในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
