"วิกฤต A320" หลังเหตุขัดข้องทั่วโลกเร่งแก้ซอฟต์แวร์

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สายการบินชั้นนำ เช่น American Airlines, United Airlines, Delta Air Lines, Air India รวมถึงสายการบินจากไต้หวัน รายงานว่าสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ของเครื่อง A320 ได้เกือบครบถ้วนแล้วในวันเสาร์ ทำให้ป้องกันความล่าช้าครั้งใหญ่ในภูมิภาคเอเชียและยุโรป ขณะที่ Sean Duffy รัฐมนตรีคมนาคมของสหรัฐฯ ระบุว่าสายการบินสหรัฐคืบหน้าอย่างมาก และพร้อมทำงานเสร็จภายในเส้นตายคืนวันอาทิตย์
แม้หลายฝ่ายมองว่าการแก้ไขเป็นไปอย่างราบรื่น แต่บางสายการบินอย่าง JetBlue ยังคงยกเลิกเที่ยวบินกว่า 70 เที่ยวในวันอาทิตย์ โดยต้องเร่งอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับเครื่อง 120 ลำ ส่วนอีกประมาณ 30 ลำยังอยู่ระหว่างการแก้ไข
การเรียกตรวจเร่งด่วนของ Airbus เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์เที่ยวบิน JetBlue เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่สูญเสียระดับความสูงอย่างกะทันหันระหว่างบินจากกังกุนไปนวร์ก จนทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บ 10 ราย หน่วยงานสอบสวนอุบัติเหตุการบินของฝรั่งเศส (BEA) อยู่ระหว่างตรวจสอบ โดยมีข้อสงสัยว่ารังสีจากพายุสุริยะอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
ความผิดปกติดังกล่าวกระทบเครื่องบินในตระกูล A320 มากกว่า 6,000 ลำ หรือกว่า ครึ่งหนึ่งของฝูงบินทั่วโลก ซึ่งเพิ่งแซง Boeing 737 ขึ้นเป็นเครื่องบินโดยสารที่ส่งมอบมากที่สุดในอุตสาหกรรม
Guillaume Faury ซีอีโอ Airbus ออกแถลงการณ์ขอโทษสายการบินและผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ พร้อมยืนยันว่าบริษัทเร่งประสานงานอย่างเต็มที่ โดยแจ้งว่าจำนวนเครื่องที่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์จริงอาจน้อยกว่าตัวเลขที่เคยประเมินในตอนแรก ซึ่งอยู่ที่ราว 1,000 ลำ
ตลาดเอเชียยังได้รับผลกระทบบางส่วน เช่น ANA Holdings ที่ต้องยกเลิกเที่ยวบินถึง 95 เที่ยว กระทบผู้โดยสารกว่า 13,500 คน ขณะที่ Tigerair Taiwan แจ้งว่ามีเที่ยวบินล่าช้าหลายเที่ยวในวันอาทิตย์
สำหรับการแก้ไข สายการบินจำเป็นต้องย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันซอฟต์แวร์ก่อนหน้าในระบบควบคุมมุมกด–เชิดของจมูกเครื่องบิน และในเครื่องรุ่นเก่าต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนบางรายการก่อนจะกลับมาบินรับผู้โดยสารได้ โดยใช้เวลาระหว่าง 2–3 ชั่วโมงต่อเครื่อง
แม้จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของการเดินทางทั่วโลก แต่ข้อมูลจาก Cirium และ FlightAware ระบุว่าท่าอากาศยานส่วนใหญ่ยังคงดำเนินงานได้ในระดับปกติถึงปานกลาง และสถานการณ์เริ่มคลี่คลายเมื่อสายการบินทยอยแก้ไขครบถ้วนมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินมองว่า แม้การเรียกตรวจฉุกเฉินเช่นนี้จะสร้างแรงกดดันด้านปฏิบัติการอย่างมาก แต่วิกฤตครั้งนี้ช่วยสะท้อนความพร้อมของอุตสาหกรรมการบินในการรับมือเหตุขัดข้องระบบซอฟต์แวร์ที่ส่งผลต่อเครื่องบินจำนวนมากภายในเวลาอันสั้น ทั้งยังชี้ให้เห็นความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างผู้ผลิต สายการบิน และหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก เพื่อรักษาความปลอดภัยของการบินพาณิชย์ในยุคที่เทคโนโลยีมีความซับซ้อนสูงขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
