อัศวิน พอใจผลผู้ว่าฯ กทม.นิด้าโพล มั่น! ขยับขึ้นที่ 1 แน่นอน
วันที่ 10 เมษายน 2565 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 6 พร้อมด้วย นายอดุลย์ เซะวิเศษ ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตสะพานสูง หมายเลข 1 ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดสัมมากร เขตสะพานสูง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักผู้ค้า รวมถึงประชาชนที่ไปจับจ่ายใช้สอยในตลาดให้ความสนใจ
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า การพบปะพ่อค้าแม่ค้าเช้าวันนี้ มีการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะพี่น้องประชาชนรู้จักตนเองดีและรู้ว่าตนทำงานอะไรให้ชาว กทม. บ้าง
ผู้สื่อข่าวถามถึงผลสำราจความคิดเห็นของนิด้าโพล หัวข้อ “อยากได้ใคร เป็นผู้ว่าฯ กทม. ครั้งที่ 11” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – วันที่ 2 มีนาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้ง ในกรุงเทพมหานคร ที่ผลโพลอยู่ที่อันดับ 3 พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ความจริงตนอยู่อันดับที่ 2 เพราะอันดับ 1 เป็นของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และอันดับ 2 ร้อยละ 26.58 ยังไม่ตัดสินใจ จึงเชื่อว่าตนยังได้รับความนิยมอยู่ในอันดับที่ 2 พร้อมระบุด้วยว่า ตนเพิ่งเปิดตัว แต่ก็ไม่ได้มีความกังวลอะไร และยังมองว่าไม่ใช่ปัญหา จะยังคงเดินหน้าหาเสียง ไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนมาขอคะแนนต่อ ซึ่งทำมาโดยตลอด และมองว่าการทำโพลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเป็นเรื่องที่ดี ต้องการให้มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนออกมาเยอะๆ ยังมีความมั่นใจและเชื่อว่า ตนจะต้องขยับขึ้นมาอันดับที่ 1 อย่างแน่นอน โดยไม่จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การหาเสียงอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่เดินหน้าหาเสียงทบทวนความจำของพี่น้องประชาชนในสิ่งที่ตนเคยทำไปแล้ว
“และจากนี้ ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ย้ำว่าผมไม่มีนโยบายที่เลิศหรูมากมาย ผมคือนักปฏิบัติ ไม่ต้องมีนโยบายใดที่ดูโก้หรือดูเท่ เพียงแค่เราลงมือทำ ซึ่งแบบนี้ในภาษามวยเรียกว่า พูดน้อยแต่ต่อยหนัก ทำมากๆ แล้วจะดีเอง” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
เมื่อถามต่อว่า ส่วนกรณีที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หลายคนให้ความสำคัญกับพ่อค้าแม่ค้าริมทางเท้า หาบเร่แผงลอย โดยสนับสนุนให้มีการค้าขายได้ทุกวันนั้น พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ทั้งหมดจะต้องอยู่บนความถูกต้อง ตามที่ปฏิบัติกันมาแล้ว พร้อมชี้ว่า เรื่องแบบนี้สัญญากันไม่ได้ ใครที่บอกว่าจะทำได้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เป็นผู้ว่าฯ หรือไม่ พร้อมย้ำว่าแนวนโยบายของตน คือการคืนความเป็นธรรมให้กับสังคม ทั้งผู้ค้า และคนเดินถนน หากได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯ ค่อยกลับมาพิจารณาเรื่องนี้กันอีกครั้ง
พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่อไปว่า ส่วนแนวนโยบายเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนกรุงเทพฯ ทั้งเรื่องกล้องวงจรปิด และไฟส่องสว่าง ย้ำว่าได้ทำไปหมดแล้ว และได้ปรับเป็นระบบดิจิทัลเกือบจะครบทั้ง 6 หมื่นตัว หากตนได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะพิจารณาเรื่องนี้ใหม่
“การหาเสียงของผมไม่ได้หลอกลวงประชาชน ผมเป็นคนโกหกไม่เป็น สิ่งที่ทำมาแล้วก็บอกว่าทำ สิ่งที่อยากจะทำให้ถูกอกถูกใจพี่น้องประชาชน มันเป็นหน้าที่ของพ่อบ้าน มันเป็นการบ้านของคนเป็นผู้ว่าฯ อยู่แล้ว ไม่ใช่การเมือง ยืนยันว่าผมไม่ใช่พรรคการเมือง หรือ นักการเมือง และผมไม่ได้ทำการเมือง แต่ผมทำการบ้านเพื่อให้สังคมดีขึ้น” พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว