รีเซต

ฝันร้ายของช่างภาพ? นิตยสาร "Vogue" เริ่มใช้นางแบบ AI ฉบับพิมพ์เดือนสิงหาคม

ฝันร้ายของช่างภาพ? นิตยสาร "Vogue" เริ่มใช้นางแบบ AI ฉบับพิมพ์เดือนสิงหาคม
TNN ช่อง16
1 สิงหาคม 2568 ( 01:29 )
28

ฝันร้ายของช่างภาพ? เมื่อภาพนางแบบที่ไม่ได้มีตัวตนจริง สร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ปรากฏอยู่ในนิตยสารชื่อดังอย่าง Vogue สร้างความตกตะลึงและกังวลใจให้แก่ผู้คนในวงการแฟชั่น โดยเฉพาะช่างภาพมืออาชีพที่มองว่านี่อาจเป็นฝันร้ายของโลกดิสโทเปียที่กำลังกลายเป็นจริง

ในฉบับเดือนสิงหาคมของ Vogue โฆษณาแบรนด์ Guess ปรากฏภาพนางแบบผมบลอนด์ในชุดเดรสลายทางยาวเต็มตัว และอีกภาพในชุดเพลย์สูทลายดอกไม้จากคอลเลกชั่นฤดูร้อน แต่ผู้อ่านสายตาเฉียบไวสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง ซึ่งต่อมาถูกยืนยันด้วยข้อความเล็ก ๆ ที่มุมโฆษณาว่า "ภาพนี้สร้างขึ้นโดย AI"

โดยทางนิตยสาร Vogue ยืนยันว่า "การเลือกใช้โมเดล AI ไม่ใช่การตัดสินใจของบรรณาธิการนิตยสาร แต่เป็นโฆษณาจากแบรนด์ Guess และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ภาพบุคคลซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วย AI ปรากฏในนิตยสาร"

กรณีนี้กลายเป็นประเด็นถกเถียงทันทีกันในสังคม โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ เซราฟินน์ วัลโลรา (Seraphinne Vallora) เอเจนซี่ที่อยู่เบื้องหลังงานโฆษณาดังกล่าว เผยว่าพอล มาร์เซียโน (Paul Marciano) ผู้ร่วมก่อตั้ง Guess เป็นผู้เสนอไอเดียนี้ โดยระบุว่า “มีการพูดถึงกันมากมาย มีความเข้าใจผิดกันมากมาย และเราเข้าใจดีว่าอุตสาหกรรมนี้ไม่เคยมีมาก่อน” ทั้งยังยืนยันว่านี่คือ ผลงานจริงที่ควรได้รับการยกย่อง

ช่างภาพถูก AI แย่งงานหรือไม่?

ทางด้านบริษัทเอเจนซี่ที่อยู่เบื้องหลังการสร้าง โฆษณา AI สำหรับแบรนด์ Guess ซึ่งไปปรากฏใน นิตยสาร Vogue ฉบับเดือนสิงหาคม ได้โพสต์บนอินสตาแกรมยืนยันว่าแม้จะเป็นผลงาน AI แต่บริษัทยังคงจ้างช่างภาพที่เป็นมนุษย์สำหรับขั้นตอนการผลิต

“เราเข้าใจว่าผู้คนอาจคิดว่า AI จะเข้ามาแทนที่งาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันก็เหมือนกับเครื่องมืออื่น ๆ ในอุตสาหกรรมการออกแบบ และมันสร้างงานขึ้นมา เพราะภาพเหล่านี้ขับเคลื่อนด้วย AI แต่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ นักสร้างสรรค์ และนักออกแบบ” รายละเอียดบางส่วนที่บริษัทเอเจนซี่ เซราฟินน์ วัลโลรา (Seraphinne Vallora) เปิดเผย

อย่างไรก็ตาม ข้ออ้างเรื่องการมีทีมงานมนุษย์อยู่เบื้องหลัง ยังไม่สามารถคลายข้อสงสัยของสาธารณชนได้ แม้จะมีหลายคนเรียกร้องให้บริษัทเปิดเผยหลักฐานว่าได้จ้างทีมงานจริงอย่างที่กล่าวไว้หรือไม่ ทั้งนี้ทาง บริษัทเอเจนซี่ เซราฟินน์ วัลโลรา (Seraphinne Vallora) ยังไม่ได้ตอบคำถามเหล่านี้อย่างตรงไปตรงมาบนโซเชียลมีเดีย แม้สื่อออนไลน์อย่างเว็บไซต์ PetaPixel จะขอข้อมูลเพิ่มเติมแล้วก็ตาม

นอกจากนี้มีรายงานของสำนักข่าว BBC ระบุเพิ่มเติมว่า แม้บริษัทจะยืนยันบทบาทของบุคลากรสร้างสรรค์ แต่ข้อความในเว็บไซต์ของบริษัทก็สะท้อนมุมมองที่ต่างออกไป โดยระบุถึงข้อได้เปรียบของการใช้ AI ว่า “ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจัดเตรียมสถานที่ราคาแพง ค่าศิลปิน MUA (Makeup Artist) ค่าเช่าสถานที่ ค่าจัดฉาก ค่าช่างภาพ ค่าเดินทาง หรือการจ้างนางแบบ”

กระแสต่อต้านจากกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับ AI

เพจอินสตาแกรมของ Guess เองก็ได้รับกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากผู้ติดตาม ที่ไม่พอใจต่อการใช้โมเดล AI แทนนางแบบจริง ที่น่าสังเกตคือ Guess ไม่ได้โพสต์ภาพที่สร้างโดย AI ดังกล่าวลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตนเองแต่อย่างใด

ประเด็นหนึ่งที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักคือเรื่อง “มาตรฐานสัดส่วนของร่างกายผู้หญิง” ที่ไม่สมจริง ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังในวงการแฟชั่นมานาน และการใช้ AI ที่สามารถสร้างภาพบุคคลให้สมบูรณ์แบบเกินจริงก็ยิ่งตอกย้ำแนวโน้มอันอันตรายนี้

สำหรับ Guess ก็ไม่ใช่แบรนด์แฟชั่นเพียงแบรนด์เดียวที่ทดลองใช้โมเดล AI ในการทำตลาด H&M เองก็เริ่มเปิดตัวสิ่งที่เรียกว่า “ฝาแฝดดิจิทัล” ซึ่งเป็นโมเดลที่ถูกโคลนนิ่งจากบุคคลจริงผ่านเทคโนโลยี AI

แม้การใช้ AI จะกลายเป็นแนวโน้มในวงการแฟชั่น แต่ก็ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า การแทนที่นางแบบและทีมงานสร้างสรรค์ด้วยโมเดลดิจิทัลนั้น เป็นเพียงเรื่องของเทคโนโลยี หรือเป็นการลดคุณค่าของแรงงานมนุษย์ในอุตสาหกรรมที่เคยยืนอยู่บนความคิดสร้างสรรค์และความเป็นมนุษย์มาตลอด

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง