IIIปรับโครงสร้างธุรกิจ หนุนANIเข้าเทรดปีหน้า
#III #ทันหุ้น – III บอร์ดไฟเขียวเพิ่มทุน 50.77 ล้านบาท ขาย RO ในอัตรา 15 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน เสนอขายหุ้นละ 12 บาท เพื่อปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน พร้อมจัดโครงสร้างองค์กร ก่อนดัน ANI เข้าตลาดในไตรมาส 3/2566
นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ III ผู้นำโลจิสติกส์ครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า จากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติในการอนุมัติการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบิน และการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดโครงสร้างให้เหมาะสม เพื่อเตรียมการนำ บริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ANI ซึ่งเป็นตัวแทนขายระวางสินค้าสายการบินในภูมิภาค เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
โดยอนุมัติให้ 1.ให้ ANI เข้าลงทุนใน ASIA GSA เพิ่มเติมอีก 80% จากเดิมถือหุ้นแล้ว 20% เป็นถือหุ้นในสัดส่วน 100% และ 2.การขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท ทริพเพิล ไอ เอเชีย คาร์โก จำกัด (TAC) ที่บริษัท ถือหุ้น 99.99% ให้กับ ANI
*เพิ่มทุนขาย RO
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 50,775,641 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Offerings) ในอัตราจัดสรร 15 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน หากมีเศษของหุ้นให้ปัดเศษของหุ้นนั้นทิ้ง โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Record Date) ในวันที่ 8 ธันวาคม 2565 และกำหนดวันจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 26 - 30 ธันวาคม 2565 (รวม 5 วันทำการ)
ทั้งนี้ การกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Record Date) จะเกิดขึ้นหลังจากการใช้สิทธิแปลงสภาพ III-W1 ภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ดังนั้น ผู้ใช้สิทธิแปลงสภาพ III-W1 ภายในระยะเวลาดังกล่าว จะเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในครั้งนี้ด้วย
*ANI เข้าตลาด Q3/66
โดยบริษัท เอเชีย เน็ตเวิร์ค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ ANI เตรียมยื่นไฟลิ่ง ต่อสำนักงานก.ล.ต. ในเดือนเมษายน 2566 โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในไตรมาสที่ 3/2566
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 4/2565 บริษัทคาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานเป็นตัวเลขนิวไฮมาโดยตลอด โดยในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าปริมาณการขนส่งทางอากาศ (Air Freight)จะกลับมาคึกคักมากขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการสายการบินที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขนส่งทางเรือ (Sea Freight), การบริหารจัดการโลจิสติกส์, และโลจิสติกส์สำหรับสินค้าอันตราย และเคมีภัณฑ์ (Chemical)
ด้านธุรกิจขนส่งทางราง ปัจจุบันบริษัทได้ให้บริการขนส่งระบบรางภายในประเทศ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ในการขนส่งระหว่างประเทศ เนื่องจากการขนส่งด้วยระบบรางยังเป็นการขนส่งรูปแบบใหม่ โดยปัจจุบันบริษัทได้ทดลองการขนส่งไปยังประเทศจีน และหลังจากนี้ยังอยู่ระหว่างรอประเทศจีนผ่อนคลายล็อกดาวน์ให้ครบทั้งหมด โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงต้นปี 2566
*ดีลซื้อกิจการ-ควบรวม
และในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเซ็นสัญญากับพันธมิตรในประเทศจีนและลาวไปแล้ว โดยคาดว่าหลังจากนี้จะมีการเซ็นสัญญากับพันธมิตรในประเทศจีนเพิ่มขึ้นหลายราย เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามบริษัทยังมองภาพ 3-5 ปี ว่าหลังจากที่ปรับกลยุทธ์การเติบโตจากทั้งธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ ควบคู่กับการเติบโตผ่านความร่วมมือทางธุรกิจ (JV) และเข้าควบรวม-ซื้อกิจการ (M&A) จะทำให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ครบวงจรในภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต