จอดป้ายประชาชื่น : พลังงานในมือ‘สุพัฒนพงษ์’ โดย ปิยะวรรณ ผลเจริญ
สัปดาห์ที่ผ่านมา สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เรียกประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “พลังงานร่วมใจ รวมไทยสร้างชาติ” พร้อมเชิญกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัทเอกชนด้านพลังงาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมเอทานอล รวมกว่า 100 รายเข้าร่วม ที่กระทรวงพลังงาน
เป็นการเปิดศักราชการทำงานของรองนายกฯควบรัฐมนตรีพลังงานที่หลายคนจับตาผลงานนับจากนี้
หลังจากถูกจับจ้องตั้งแต่วันแรกที่เข้ากระทรวง เมื่อเจ้าตัวตั้งทีมงานที่ดูจะเข้าทางบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่บางราย แต่ทุกอย่างต้องรอพิสูจน์ฝีมือ
ลองแงะเนื้อหาการประชุม พบว่า มีวิธีการที่ต่างไปจากรัฐมนตรีพลังงานคนอื่นๆ เพราะ “สุพัฒนพงษ์” เชิญสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ เข้าให้ข้อมูลสถานการณ์เศรษฐกิจไทย และยังเชิญผู้บริหารบริษัท ศรีจันทร์สหโอสถ จำกัด เจ้าของแบรนด์ “ศรีจันทร์” มาถ่ายทอดเรื่องราวช่วงโควิด-19 เพื่อกระตุกเอกชนที่เข้าร่วมให้คิดไอเดียในการฟื้นฟูประเทศผ่านโครงการ
กระตุ้นต่างๆ อาทิ การจ้างงาน ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนของประเทศในเวลานี้
นอกจากนี้ ยังชูนโยบายพลังงาน 3 ด้าน ประกอบด้วย พลังงานกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก พลังงานสร้างงานสร้างรายได้ และพลังงานวางรากฐานเพื่ออนาคต
โดยเฉพาะพลังงานสร้างงานสร้างรายได้ รัฐมนตรีพลังงาน ย้ำว่าจะต้องดำเนินการด้วยความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งนโยบายนี้สอดรับกับนโยบายหลักของรัฐบาลที่ต้องการฟื้นฟูประเทศโดยด่วน แถมยังเข้าทางหมวกอีกใบที่เจ้าตัวสวมอยู่ คือ รองนายกรัฐมนตรี
รายละเอียดของการสร้างงาน กระทรวงพลังงานจะดำเนินการ 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจชุมชน ที่นำเครื่องมืออย่างกองทุนอนุรักษ์พลังงานมาดูแลโดยตรง นอกจากนี้ จะมุ่งไฟฟ้าภาคประชาชน โดยจะคงเดินหน้าโรงไฟฟ้าชุมชน แต่จะเข้าไปดูรายละเอียดเชิงลึกว่า รายได้จะเข้าถึงชุมชนจริงๆ มีเชื้อเพลิงป้อนทั้งปี รวมทั้งจะมุ่งจ้างงานเด็กจบใหม่ปีนี้ประมาณ 4 แสนคน และกลุ่มคนว่างงาน รวมทั้งสตาร์ตอัพ โดยภารกิจหลังนี้จะดึงบริษัทพลังงานเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ก่อนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ทราบว่า “สุพัฒนพงษ์” เริ่มทำงานก่อนระยะหนึ่งแล้ว โดยดึงสภาพัฒน์มานั่งทำงานกับกระทรวงพลังงาน เพื่อคลอดนโยบายข้างต้น จึงไม่แปลกที่นโยบายพลังงานรอบนี้จึงเน้นความเห็นอกเห็นใจประชาชนซึ่งเป็นนโยบายภาพรวม
ส่วนผลงานจะ “ปังปุริเย่” มั้ยต้องติดตาม!!