รีเซต

เงินบาทเปิดตลาดอ่อน-ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

เงินบาทเปิดตลาดอ่อน-ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ
TNN ช่อง16
5 กุมภาพันธ์ 2564 ( 07:51 )
53
เงินบาทเปิดตลาดอ่อน-ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย  เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  30.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 30.05 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 

ตลาดโดยรวมยังคงเปิดรับความเสี่ยง จากความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ได้รับแรงหนุนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ซึ่งล้วนออกมาดีกว่าคาด และแนวโน้มการผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐฯ ภายในไตรมาสที่ 1 ทำให้ตลาดหุ้นในฝั่งสหรัฐฯ ล้วนปรับตัวขึ้นเกินกว่า 1% โดยเฉพาะดัชนีหุ้นขนาดเล็ก Russell2000 ก็พุ่งขึ้นเกือบ 2% จากความหวังเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด อาทิ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่เพิ่มขึ้นเพียง 7.8แสนราย จากที่ตลาดคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 8.3 แสนราย 

ด้านฝั่งยุโรป ดัชนี stoxx50 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องราว 0.9% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นกว่า 1.7% จากตลาดหุ้นอิตาลี (ดัชนี FTSE MIB) หลังตลาดมีความหวังต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจอิตาลีมากขึ้น หากนายมาริโอ้ ดรากิ อดีตประธาน ECB สามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่สำเร็จ

อย่างไรก็ดี แม้ว่าตลาดจะเปิดรับความเสี่ยง แต่บอนด์ยีลด์ 10ปี สหรัฐฯ กลับทรงตัวที่ระดับ 1.14% เนื่องจากผู้เล่นบางส่วนก็มีท่าทีที่ระมัดระวังตัวต่อการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น ทำให้ยังคงมีความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยไว้ป้องกันความผันผวนของตลาด

ทั้งนี้ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้น ส่งผลให้ บอนด์ยีลด์ 30ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น จนส่วนต่างระหว่างบอนด์ยีลด์ 30ปี กับ 5ปี เพิ่มขึ้นแตะระดับสูง 1.47% สุดนับตั้งแต่ปี 2015 

นอกจากนี้แนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯที่โดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่นๆ ก็หนุนให้ เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดย ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นกว่า 0.4% และเคลื่อนไหวในกรอบใกล้ระดับ 91.5 จุด  ทำให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.197 ดอลลาร์ เช่นเดียวกับ เงินเยนที่อ่อนค่าสู่ระดับ 105.6 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่ ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 1.367 ดอลลาร์ หลังธนาคารกลางอังกฤษคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น จากการแจกจ่ายวัคซีน

สำหรับวันนี้ตลาดจะติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจดังนี้ เริ่มจากในฝั่งสหรัฐฯ ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 1 แสนราย สอดคล้องกับยอดการจ้างงานนอกภาคเอกชนโดย ADP ก่อนหน้านี้ ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 1.8 แสนราย

ส่วนอัตราการว่างงานก็จะอยู่ที่ระดับ 6.7% สะท้อนภาพการจ้างงานที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นและย้ำว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะสามารถเร่งตัวขึ้นได้ หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่หรือวัคซีนแจกจ่ายได้เร็วขึ้น (อัตราการแจกจ่ายวัคซีนอยู่ที่ 1.34ล้านโดสต่อวัน ล่าสุด คนอเมริกันได้รับวัคซีน 2 โดสราว 2%ของประชากรทั้งหมด ซึ่งควรเกินกว่า 70% สำหรับการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ )

ในฝั่งเอเชียมองว่า ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) อาจลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 3.75% เพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เนื่องจาก RBI ยังมีกระสุนในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะเดียวกัน การลดดอกเบี้ยนโยบายก็จะช่วยคุมต้นทุนการกู้ยืมเงินของรัฐบาลและปรับให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงมาได้ทั้งเคิร์ฟ ลดทอนผลกระทบจากการกู้เงินจำนวนมากเพื่อใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังของรัฐบาล นอกจากนี้ หากมีการลดดอกเบี้ยลงจริง ก็อาจช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นอินเดียปรับตัวขึ้นต่อได้ ในระยะสั้น 

นอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะติดตามความคืบหน้าของกระบวนการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐฯ รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน อาทิ EBay และ PayPal เป็นต้น 

ด้านแนวโน้มค่าเงินบาทมองว่า ตลาดจะรอจับตารายงานยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันนี้ ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนสถานะถือครองอย่างชัดเจน ซึ่ง หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯล้วนออกมาดีเกินคาดต่อเนื่อง ก็อาจส่งผลให้ ในระยะสั้น ผู้เล่นในตลาดทยอยลดสถานะ “Reflation Trades” หรือการที่ผู้เล่นต่างเก็งว่า เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงตามการฟื้นตัวของประเทศอื่นๆและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อเนื่องของสหรัฐฯ

ซึ่งการลดสถานะ Reflation trades ดังกล่าว จะช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก แต่เงินบาทจะไม่อ่อนค่าไปมาก เนื่องจากผู้ส่งออกต่างรอขายเงินดอลลาร์ที่ระดับ 30.05-30.15บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  ดังนั้น หากตลาดไม่ได้มีแนวโน้มปิดรับความเสี่ยงที่ีรุนแรง จนเกิดแรงเทขายสินทรัพย์ไทยและมีฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลออกสุทธิจำนวนมาก เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวในกรอบใกล้ระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ  +/- 15 สตางค์ จนกว่าจะมีปัจจัยที่ทำให้ทิศทางของเงินดอลลาร์หรือฟันด์โฟลว์ชัดเจน  ส่วนกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 30.00-30.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ 




เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง