NTSC รับอานิสงส์บาทแข็ง มีสัญญาณออเดอร์ฟื้นตัว

#NTSC #ทันหุ้น – NTSC โดดรับค่าเงินบาทแข็งค่า ตุนกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอื้อ ส่งสัญญาณไตรมาส 3 ออเดอร์ฟื้นตัว คาดยาวต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 4/2568 เข้าช่วงไฮซีซันธุรกิจ ชูกลยุทธ์เน้นรับงานผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูง แย้มแผนสร้างโรงงานใหม่ อัพกำลังการผลิต
ดร.พัชร์ เอกปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิวทรีชั่น เอสซี จำกัด (มหาชน) หรือ NTSC ประกอบธุรกิจนำเข้า ผลิต และจัดจำหน่าย วัตถุดิบ สารปรุงแต่ง และวัตถุเจือปนในอาหารคนและอาหารสัตว์ เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/2568 มีการเติบโตเมื่อเทียบปีต่อปี (YoY) และเริ่มเห็นการฟื้นตัวเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) เนื่องจากที่สภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 2/2568
ทั้งนี้ปัจจัยที่เป็นตัวหนุนภาพรวมธุรกิจมาจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะส่วนใหญ่บริษัทจะนำตัววัตถุดิบจากต่างประเทศ ดังนั้นเมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้น จะทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น แม้ว่ายอดขายจะยังไม่เติบโต
@ คำสั่งซื้อเริ่มฟื้นตัว
ทั้งนี้สถานการณ์การสั่งซื้อวัตถุดิบสำหรับอาหารคนและอาหารสัตว์ เริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นในช่วงกลางไตรมาส 3/2568 เนื่องจากในไตรมาส 2/2568 ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้า ทำให้ลูกค้าบางรายที่ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ ชะลอคำสั่งซื้อ
โดยคาดว่าสถานการณ์การสั่งซื้อวัตถุดิบจะดีขึ้นต่อเนื่องโดยเฉพาะไตรมาส 4/2568 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของบริษัท เพราะลูกค้าจะสั่งเพื่อทำ Buffer Stock หรือปริมาณสินค้าคงคลังสำรอง สำหรับขายในปี 2569
ดังนั้นกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทจะเน้นรับงานการผลิตทั้ง ODM และ OEM ให้มากขึ้นและเป็นสินค้าที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังใช้เรื่องระบบคุณภาพที่ทำให้สามารถขายสินค้าได้ในราคาสูงขึ้น ซึ่งบริษัทตั้งใจจะผลิตสินค้าบางตัวที่เคยนำเข้ามาก่อนในประเทศไทย เพื่อช่วยลดต้นทุนให้ลูกค้าและเพื่อให้สามารถควบคุมการผลิตได้
@ สร้างโรงงานใหม่
อีกทั้งบริษัทยังมีแผนการสร้างโรงงานใหม่ทั้งอาหารคนและอาหารสัตว์ ในการขยายกำลังการผลิต คาดจะสร้างเสร็จในช่วงไตรมาส 1/2569 จากแผนเดิมที่คาดว่าจะสร้างเสร็จในไตรมาส 4/2568 เนื่องจากต้องการให้มีต้นทุนการสร้างที่ถูกลง รวมถึงปรับแผนก่อสร้างและออกแบบโรงงานใหม่ให้เข้ากับเครื่องจักรที่จะใช้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนรายได้ราว 10-20% บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตในปี 2568 แบบ Double Digit หรือเติบโตมากกว่า 10%
อย่างไรก็ดีเนื่องจากธุรกิจของบริษัทเป็นรูปแบบเทรดดิ้งหรือการซื้อมาขายไป ซึ่งยังมีความเสียเปรียบบริษัทคู่แข่งรายอื่นอยู่พอสมควร เนื่องจากการเป็นบริษัทมหาชน ทำให้ต้องมีระบบคุณภาพครบถ้วน และมีการควบคุมตามหลักเกณฑ์ จึงติดปัญหาบางประการในการทำการตลาด โดยอยากให้ทางภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนบริษัทมหาชนให้สามารถเข้าแข่งขันได้มากขึ้น เพราะนโยบายส่วนใหญ่จะเน้นสนับสนุนโรงงานขนาดเล็กหรือ SME
ในส่วนปัจจัยที่ส่งผลต่อการขึ้นลงของราคาวัตถุดิบ คือ สภาพภูมิอากาศ เนื่องจากส่วนผสมที่นำเข้ามาเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ อีกทั้งยังมีปัจจัยภาษีของแต่ละประเทศที่นำเข้าสินค้า
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
