"บิทคอยน์" ทรุดหนัก หลุด 86,000 ดอลลาร์ "กูรู" มองผ่านจุดสูงสุดของรอบแล้ว

ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเจอแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงกดดันหนักในวันนี้ (21 พ.ย.) ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์และอีเธอร์กอดคอกันร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน ท่ามกลางความกังวลว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีมูลค่าสูงเกินไป ประกอบกับความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดดอกเบี้ยในเร็ววันเริ่มเลือนราง

ในการซื้อขายฝั่งเอเชีย บิตคอยน์ร่วงลง 2.1% หลุดระดับ 86,000 ดอลลาร์ ลงไปแตะจุดต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ 85,350.75 ดอลลาร์ ส่วนอีเธอร์ก็ปรับตัวลงกว่า 2% ไปอยู่ที่ 2,777.39 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยทั้งสองเหรียญจ่อปิดท้ายสัปดาห์นี้ด้วยมูลค่าที่หายไปราว 8%

ปกติแล้วนักลงทุนมักใช้คริปโทฯ เป็นดัชนีชี้วัดความเสี่ยง การดิ่งลงครั้งนี้จึงสะท้อนความเปราะบางของตลาดในช่วงที่ผ่านมา สอดคล้องกับหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เคยร้อนแรงแต่เริ่มแผ่วปลาย รวมถึงความผันผวนของตลาดที่พุ่งสูงขึ้น

โทนี ซิคามอร์ นักวิเคราะห์จาก IG ให้ความเห็นว่า “ถ้านี่คือสัญญาณบ่งชี้อารมณ์ความกล้าเสี่ยงในภาพใหญ่ สถานการณ์อาจจะเริ่มดูไม่จืด และนั่นคือสิ่งที่น่ากังวลตอนนี้”

ข้อมูลจากคอยน์เก็กโก (CoinGecko) ชี้ว่า ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่าตลาดคริปโทฯ หายไปแล้วกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์

กราฟราคาบิตคอยน์หักหัวลงอย่างรวดเร็วหลังจากพุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดตลอดกาลเหนือ 120,000 ดอลลาร์ไปเมื่อเดือนต.ค. โดยได้รับอานิสงส์จากกระแสการแก้กฎหมายทั่วโลกให้เป็นมิตรกับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ดูเหมือนนักวิเคราะห์จะมองว่า ตลาดยังขวัญเสียจากเหตุการณ์ตลาดถล่มเมื่อเดือนก่อนที่มีการบังคับขายล้างพอร์ตในกลุ่มเก็งกำไรด้วยเงินกู้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ จนเกิดการเทขายด้วยความตื่นตระหนกและปัญหาสภาพคล่อง

สถานการณ์ล่าสุดทำให้บิตคอยน์คืนกำไรที่ทำมาตลอดทั้งปีไปจนหมดและพลิกกลับมาติดลบ 8% นับจากต้นปี ส่วนอีเธอร์อาการหนักกว่า ลบไปแล้วเกือบ 16%

แรงเทขายยังลามไปถึงหุ้นบริษัทที่ตุนคริปโทฯ ไว้ในงบดุล ซึ่งเคยได้ประโยชน์จากราคาเหรียญขาขึ้น หุ้นของบริษัทสตราเทจี (Strategy) ซึ่งเคยเป็นดาวเด่นในการสะสมบิตคอยน์ ร่วงลง 11% ในสัปดาห์นี้และจมอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบปี

คริปโทควอนต์ (CryptoQuant) บริษัทวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลระบุในรายงานเมื่อวันพุธ (19 พ.ย.) ว่า “ตลาดบิตคอยน์เข้าสู่ภาวะขาลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มรอบขาขึ้นเมื่อเดือนม.ค. 2566 และมีความเป็นไปได้สูงว่า ความต้องการซื้อของรอบวัฏจักรนี้น่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว”