WHAเลิกหวั่นโอไมครอน ชัดต่างชาติไม่ชะลอลงทุน
ทันหุ้น - WHA ชี้ไร้สัญญาณชะลอการลงทุน แม้โลกหวั่นโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ระบุนักธุรกิจปรับกลยุทธ์-เทคโนโลยีการแพทย์สู้ได้ มั่นใจนิคมปีหน้าขยายตัวได้ 20-30% ด้านธุรกิจโลจิสติกส์ ขยายตัวตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่อีอีซี เผยทุนใหญ่ต่างชาติสนใจร่วมลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ มั่นใจสามารถต่อยอดงานบริการได้หลากหลาย
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ไม่เห็นสัญญาณชะลอการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ แม้จะมีข่าวการเฝ้าระวังโควิด-19 โอไมครอน ที่เริ่มระบาดในหลายประเทศ และอยู่ระหว่างติดตามว่าจะกลายเป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดครั้งใหม่หรือไม่ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มปรับกลยุทธ์และวางแผนการลงทุนให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงมีความมั่นใจเทคโนโลยีการแพทย์ และระบบสาธารณสุข ซึ่งพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งวัคซีนโควิด-19 และยารักษา
@เป้าขายที่ดินปีหน้าเพิ่ม 30%
ดังนั้นบริษัทจึงยังคงตั้งเป้ายอดขายที่ดินทั้งในนิคมอุตสาหกรรมทั้งในไทยและเวียดนามทั้งปี 2565 เพิ่มขึ้น 20-30% เทียบกับปี 2564 ที่ได้ตั้งเป้าว่าจะทำได้ประมาณ 820 ไร่ แบ่งเป็นในประเทศ 750 ไร่ และเวียดนาม 70 ไร่ อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ทะลุเป้าไปเรียบร้อยแล้ว
รวมถึงความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้ายังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ทั้ง ระบบราง, ถนน, สนามบิน, และท่าเรือ หนุนให้ไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่เหมาะสมที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“นักธุรกิจเมื่อวางแผนลงทุนจะมองระยะยาว ดังนั้นแม้จะเริ่มมีการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ก็ต้องติดตามสถานการณ์ ควบคู่กับการลงทุนทางธุรกิจ ประกอบกับตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้พัฒนาทั้งแนวทางการรักษา และวัคซีนที่มีประสิทธิภาพลดความรุนแรงจนสามารถลดอัตราการเสียชีวิต และลดความรุนแรงเมื่อเจ็บป่วยได้ ดังนั้นนักธุรกิจจะวางกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง ควบคู่กับการขยายฐานทางธุรกิจเป็นหลัก ส่วนการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในเวียดนาม ก็จะขยายตัว “คู่ขนาน” ไปกับการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมในไทย เนื่องจากรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายแตกต่างกัน”
@ทุนใหญ่ร่วมฮับเทคโนโลยี
ขณะเดียวกันบริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยี โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่มีความรวดเร็ว ความหน่วงต่ำ เข้ามาเพิ่มความสามารถ – เพิ่มศักยภาพในการผลิต, การปฏิบัติงาน, เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ที่สำคัญคือช่วยลดต้นทุน และทำให้ธุรกิจเกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรม ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การสร้างธุรกิจโมเดลใหม่ในโลกยุคดิจิทัล
บริษัทจึงปรับแผนการลงทุน-พัฒนาเทคโนโลยี 5G ทำให้ธุรกิจก้าวไปสู่ระบบปฏิบัติการแบบออโตเมชั่น โดยมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ 3D Printing, Blockchain, Quantum Computing, ธุรกิจ E-Commerce ฯลฯ ควบคู่ไปกับการพัฒนา Data Centerส่งผลให้มีทุนใหญ่ระดับโลกติดต่อขอเจรจาร่วมลงทุนด้วย เนื่องจากทำเลที่ตั้งของไทย รวมถึงระบบสาธารณูปโภคที่พร้อมทุกด้านในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลกได้ในระยะยาว
“การพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยี เป็นการยกระดับการลงทุนในทุกกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม บริษัทสามารถพัฒนาให้กลายเป็น Smart Eco Industrial Estate ทั้งด้าน Smart Factory, Smart Energy, Smart Mobility และอื่นๆ ธุรกิจโลจิสติกส์ สามารถพัฒนาเป็น Semi-Automate ธุรกิจพลังงาน มีการพัฒนาเป็น Smart Energy ธุรกิจสาธารณูปโภค พัฒนาให้เป็น Smart Utility โดยทำเป็น Sandbox เพื่อใช้งานในนิคมอุตสาหกรรม ฯลฯ และยังต่อยอดได้อีกมากมาย”