ออสสิริสชี้ราคาทองขาขึ้น เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์ใหม่
ออสสิริส (Ausiris) มองการลงทุนทองคำครึ่งหลังปี 2566 น่าสนใจราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น ประเมินราคาทองคำตลาดโลกไว้ที่ระดับ 2-2.1 พันดอลลาร์ และในไทยที่ราว 3.28-3.3 หมื่นบาท จากราคาทองคำในตลาดโลกช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ว่า มีการปรับตัวขึ้นมา 8% พร้อมเปิดตัวแฟลกชิป สโตร์ใหม่ เอาใจคนต้องการลงทุนทองคำ
นายพีระพงศ์ วิริยะนุเคราะห์ นักวิจัยอาวุโส แผนก Ausiris Intelligence บริษัท ออสสิริส จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนทองคำในช่วงครึ่งหลังปี 2566 ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจและโอกาสที่ราคาทองคำจะขึ้นไปต่อนั้นมีอีกมาก โดยคาดการณ์ราคาทองคำตลาดโลกในช่วงที่เหลือของปีนี้ไว้ที่ระดับประมาณ 2,000-2,100 ดอลลาร์ ซึ่งหากหลุดแนวต้านสำคัญที่ 1,986 ดอลลาร์ ไปได้ ซึ่งโอกาสที่สิ้นปีจะแตะที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ ก็อาจมีให้ได้เห็น
*ทองคำขาขึ้น
ขณะที่ราคาทองคำในประเทศไทยจะอยู่ที่ระดับกว่า 32,850-33,000 บาท ซึ่งหากว่าทางธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการปรับลดดอกเบี้ยลงก็จะเป็นแรงหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ตามปกติแล้วในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปีราคาทองคำอาจมีการปรับตัวลดลงบ้าง เนื่องจากมีวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส ทำให้การซื้อทองคำของฝั่งอเมริกาลดลง แต่พอถึงช่วงปลายปีราคาก็จะดีดตัวกลับขึ้นมา
"หากเราดูสถิติราคาทองคำในไทยและทองคำในตลาดโลก จะเห็นว่าทองคำมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าเกือบทุกเดือนในปีนี้ และหากเราจะย้อนข้อมูลทางสถิติไม่ว่าจะเป็นข้อมูลย้อนหลัง ในช่วง 5 ปี 10 ปี 20 ปี จนถึง 30 ปีที่ผ่านมา ราคาทองมีการปรับตัวขึ้นมาตลอด ขณะเดียวกัน Goldman Sachs เผยว่า พอร์ตลงทุนในปีนี้ควรปรับสัดส่วนให้มีสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างสินทรัพย์ทองคำเป็นส่วนผสมในพอร์ต 5-10% ทองคำ จากปัจจัยภาพรวมเศรษฐกิจด้านต่างๆ ที่จะมากระตุ้นอีกครั้งช่วงปลายปี ดังนั้นการมีสินทรัพย์ทองคำไว้ยังถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและอาจจะให้ผลตอบแทนโดยรวมที่ดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ในปีนี้" นายพีระพงศ์ กล่าว
โดยภาพรวมราคาทองคำในตลาดโลกช่วงครึ่งแรกของปี 2566 มีการปรับตัวขึ้นมา 8% ขณะที่ผลตอบแทนสูงสุดเมื่ออ้างอิงราคาต่ำสุดของปีที่ 1,804 ดอลลาร์ ในเดือนกุมภาพันธ์ และราคาสูงสุดของปี 2,080 ดอลลาร์ ในช่วงเดือนพฤษภาคมโดยจะพบว่าราคาทองคำในตลาดโลกให้ผลตอบแทนสูงสุดมากถึง 15% จากปัจจัยหนุนต่างๆ ได้แก่ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ เศรษฐกิจถดถอย และปัญหาสถาบันการเงินในสหรัฐ
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป ความตึงเครียดระหว่างจีน -ไต้หวัน และความตึงเครียดระหว่างรัฐเซีย - ยูเครน เป็นต้น
**เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์
นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวเสริมว่า ด้วยสภาพตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งพฤติกรรมลูกค้าในแง่ของการลงทุนและพฤติกรรมลูกค้าในแง่ของการสวมใส่ ดังนั้นออสสิริสจึงพร้อมจะเป็น One-Stop Service บนความตั้งใจในการรวมบริการต่างๆ เอาไว้ไม่ว่าจะเป็น การออมทอง การลงทุนในทอง และการซื้อทองรูปพรรณ ให้สามารถจบครบในที่เดียว เพื่อสามารถเข้าถึงลูกค้าและสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย
ตลอดจนเป็นแบรนด์ที่สามารถครองใจลูกค้าได้เมื่อนึกถึงสินทรัพย์ทองคำ ปัจจุบันออสสิริสก็มีแพลตฟอร์มออนไลน์และขนส่งรองรับการบริการ ซึ่งทำให้ลูกค้ามีความสะดวกมากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 2/2566 ที่ผ่านมา ออสสิริสได้ทำการเปิดตัวแฟลกชิป สโตร์ (Flagship Store) ในห้างสรรพสินค้าสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 4 ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเภทครอบครัว Gen X Gen Y รวมถึง Gen Z คนรุ่นใหม่ที่มีความสนใจเรื่องการลงทุนทองคำเพิ่มขึ้นถึง 60%
สอดคล้องกับที่ออสสิริสได้เริ่มปรับแนวทางมาสร้างความเข้าใจและการเข้าถึงทองคำผ่านช่องทางดิจิทัลและโซเชียลมีเดียต่างๆ ให้เรื่องทองเป็นเรื่องง่าย ตลอดจนช่วยให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถเข้าถึงการลงทุนทองคำได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังได้อานิสงส์จากราคาตลาดทองโลกและในไทยปรับตัวขึ้น จึงทำให้นักลงทุนรุ่นใหม่ปรับพอร์ต หันมาลงทุนสินทรัพย์ทองคำที่มีความเสี่ยงต่ำกันมากขึ้น